เป็นย่านที่รวมหลากหลายคาเฟ่ให้สายฮิปสเตอร์ได้ตามไปเช็คอิน สำหรับย่านอารีย์ ที่ถึงแม้รถจะติด ที่จอดรถจะน้อย แต่กลับเป็นย่านที่ถูกค้นหามากที่สุดในเว็บไซต์ BKK. วันนี้เราจึงได้รวบรวม 13 คาเฟ่ที่เหมาะกับการชวนเพื่อนไปฮอปปิ้ง ถ่ายรูป ตามด้วยการเช็คอินชิค ๆ ถ้าพร้อมแล้วมาจดลิสต์คาเฟ่ที่ใช่แล้วไปพร้อม ๆ กันเลย
หลังจากที่รีโนเวตปรับปรุงร้านใหม่ Common Room x Ari ก็คึกคักไปด้วยคนทำงานมากกว่าเดิม เพิ่มเติมคือพื้นที่ใช้สอยสำหรับนั่งจิบกาแฟ นอกจากนี้ยังเพิ่มไลน์เมนูอาหารเช้าและบรันช์ง่าย ๆ ให้มีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น
ทางร้านยังคงคอนเซ็ปต์ Local Cafe คือทานง่ายแต่ยังใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ด้านบรรยากาศมีความเป็นกันเอง เหมาะจะนัดเพื่อนมาคุยงานหรือทานมื้อเบา ๆ ล่าสุดทางร้านได้เปิดพื้นที่บนบ้านราชครู สำหรับประชุมงาน หรือสัมนาเล็ก ๆ โดยมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก โปรโมชั่นเปิดห้องราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ราคา 1,200 บาท
ใครมาในตอนเช้าถึงสาย ๆ เริ่มต้นที่เมนูอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ อย่าง Berry Yogurt Bowl With Mixed Seeds and Nuts (150 บาท) โยเกิร์ตธรรมชาติปั่นกับกล้วยและเบอร์รี่หลากชนิด เสิร์ฟกับกราโนล่าและผลไม้สดต่าง ๆ เหมาะจะทานรองท้องเพราะเป็นเมนูไม่หนักมาก
เมนูขนมหวานทางร้านแนะนำ Charcoal Waffle with Vanilla Ice Cream and Salted Yolk Custard (220 บาท) วาฟเฟิลรสชาร์โคลท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลา ราดด้วยคัสตาร์ดไข่เค็ม ได้ทั้งรสหวาน มัน เค็ม
ใครที่เบื่อกาแฟแบบเดิม ๆ ลองสั่ง Espresso on Milk Cream Rock (120 บาท) เอสเพรสโซ่ช็อต เสิร์ฟกับน้ำแข็งก้อนที่ผสมระหว่างครีมกับนมข้นหวาน หากราดกาแฟลงไปความหวานมันจะค่อย ๆ ละลายออกมา คนไปเรื่อย ๆ จะทำให้แก้วนี้ยิ่งหวานมันเข้มข้น
Common Room x Ari
13/1 ซอยพหลโยธิน 5
เปิดทุกวัน เวลา 7.00 - 18.00 น.
โทร. 06-2416-7746
www.facebook.com/commonroomxari
KINTO Exhibit ไลฟ์สไตล์คาเฟ่ใจกลางย่านอารีย์ ที่จะพาคุณไปลิ้มรสกาแฟคุณภาพ ผ่านประสบการณ์การใช้งานผ่านผลิตภัณฑ์มินิมอลจากแบรนด์ KINTO โดย Roaster และบาริสต้าระดับแชมป์ที่หมุนเวียนกันมาโชว์ฝีมือกันทุกสัปดาห์ ตลอดระยะเวลา 3 เดือน นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ที่เปิดกว้างให้เข้ามาทำความรู้จักและทดลองใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจซื้อ ใครที่เป็นสายมินิมอลรับรองว่าต้องว้าวกับผลิตภัณฑ์มากฟังก์ชันของ KINTO ที่เรียงรายอยู่บนชั้นโชว์แห่งนี้แน่นอน
ภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์มินิมอล สบายตาด้วยโทนสีขาว และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น มีโซน Coffee Bar บริเวณกลางร้าน ซึ่งเปิดเป็นพื้นที่ให้เหล่าบาริสต้าฝีมือดีสลับสับเปลี่ยนกันมา Takeover Home Bar และโชว์ฝีมือการชงกาแฟกันได้อย่างเต็มที่ทุกสัปดาห์ อย่างในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้ทีมงานคุณภาพจาก NANA Coffee Roaster และ คุณแนท - กษมา กันบุญ แชมป์โลกจากการแข่งขัน World Siphonist Championship 2018 และ Nitrobrew Thailand มาร่วมเสิร์ฟกาแฟ Nitro ในแก้วกาแฟสวย ๆ ให้ทุกคนได้ลองชิม
ทางร้าน KINTO Exhibit ได้เพื่อนบ้านอย่าง Laliart Coffee ที่เชี่ยวชาญด้านกาแฟมาช่วยดูแลเมนูประจำร้าน ให้คอกาแฟได้ดื่มกาแฟที่เลือกใช้เมล็ดคุณภาพจากแม่จันใต้ จังหวัดเชียงราย, ดอยสกาด จังหวัดน่าน, เลอตอ จังหวัดตาก และเอธิโอเปีย ขอแนะนำให้ลองชิมฝีมือ Slowbar Handdrip อย่าง กาแฟดริปแม่จันใต้ (120 บาท) Single Origin จากเชียงรายบ้านเฮา ที่ให้ความหอมและรสเปรี้ยวของผลไม้ตระกูลมัลเบอร์รี ที่ปลูกบนความสูงกว่า 1,200 - 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล เสิร์ฟใส่แก้ว SEPIA Cup Amber สีชา ที่ออกแบบรูปทรงและหูจับมาได้เข้ากับดีไซน์การจับ อีกทั้งยังทนอุณหภูมิได้ถึง 120℃
และ Blackorange (140 บาท) ที่เลือกใช้ Cacao จากสามแหล่งเพาะปลูกซึ่งให้รสชาติที่แตกต่างกัน แต่เข้มข้นลงตัวและหอมละมุนด้วยกลิ่นของคาราเมล โดยเสิร์ฟลงในแก้ว CAST Iced Tea Glass คอลเลกชันแก้วทนความร้อนที่ดีไซน์ขนาดออกมาให้ใช้งานกับเครื่องดื่มหลากหลายประเภท
ตบท้ายด้วย Carrot Cake (90 บาท) แครอทเค้กชิ้นโตสไตล์โฮมเมดที่ทางร้าน Laliart Coffee อบสดใหม่ทุกวัน ท็อปด้วยครีมชีสรสเค็มผสมรสเปรี้ยวนิด ๆ และได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของ Cinnamon
KINTO Exhibit
ถนนพหลโยธิน
เปิดทุกวัน เวลา 10.00 - 18.00 น.
โทร. 08-1868-9891
www.facebook.com/kintointhailand
ห้องเวิร์คช็อปปฏิบัติการงานไม้ Made Here on Earth คาเฟ่ SA-TI Handcraft Coffee และโยเกิร์ตบาร์ Yo Frozen Yogurt ครบครันในที่เดียว ตั้งอยู่บริเวณซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 กับ 6 (ตรงข้ามกรมประชาสัมพันธ์) ทางเข้าร้านจะใช้ทางเข้าเดียวกับ Yo Frozen Yogurt
พื้นที่ Co-workshop space ของที่นี่ มีเครื่องมือ เครื่องจักร และเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้จากการสร้างผลงานด้วยตนเอง โดยมีอุปกรณ์และสตาฟคอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือตลอดเวลา
หลังจากสนุกกับการ D.I.Y. ผลงานเก๋ ๆ ของตัวเองแล้ว ขอชวนให้เดินมาที่ด้านหลัง MHOE จะพบเรือนกระจกที่เป็นพื้นที่คาเฟ่ บรรยากาศโล่งโปร่ง เน้นใช้เหล็ก ไม้ สแตนเลส แก้ว และกระจกใส เพื่อสื่อถึงความเป็นวัสดุพื้นฐาน โดยใช้วัสดุไม้จาก MHOE ทั้งหมด ทางร้านใช้กาแฟเบลนด์สองแบบ ระหว่างไทย - เอธิโอเปีย กับ ไทย - อินเดีย - อินโดนีเซีย เพื่อให้รสชาติแตกต่างกันไปและให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของกาแฟแต่ละแก้ว
ใครที่ชอบรสของเครื่องเทศ ทางร้่านแนะนำ Masala Chai Latte (120 บาท) กาแฟผสมชา เครื่องเทศอินเดีย และนมในอัตราส่วนพอดีจนได้มาเป็นกาแฟกลิ่นเครื่องเทศหอมอ่อน ๆ
ใครที่มองหาขนมหวาน ลองแวะมาที่ Yo Frozen Yogurt ร้านโยเกิร์ตโฮมเมดสูตรไร้ไขมัน ด้านในตกแต่งเรียบง่าย เน้นความดิบของวัสดุและโครงตึก มีพื้นที่นั่งด้านหน้า ถัดไปเป็นตู้ทำโยเกิร์ต เคาน์เตอร์ท็อปปิ้ง และแคชเชียร์ Frozen Yogurt มีให้เลือกหลายรสไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติ รสวานิลลา รสธรรมชาติผสมบลูเบอร์รี่ รสธรรมชาติผสมสตรอเบอร์รี่ รสธรรมชาติผสมช็อกโกแลต และซอฟท์เสิร์ฟรสชาไทย สามารถกดใส่ถ้วยด้วยตัวเอง จากนั้นใส่ท็อปปิ้งหรือผลไม้ได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นโฮมเมดกราโนล่า โฮมเมดฟัดจ์บราวนี่ เสาวรส เชอร์รี สตรอเบอร์รี แบล็คเบอร์รี ลิ้นจี่ โอรีโอ และคอร์นเฟลค
Made Here on Earth
ระหว่างซอยอารีย์สัมพันธ์ 5 กับ 6 (ตรงข้ามกรมประชาสัมพันธ์)
เปิดทุกวัน เวลา 9.00 - 18.00 น.
โทร. 09-0090-9050
www.facebook.com/MADEHEREONEARTH.BKK
มาต่อกันที่คาเฟ่น่ารักอย่าง The Crack Cafe ที่เปิดอิงแอบซ่อนตัวอยู่ในแมกไม้ เป็นร้านเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างมีพื้นที่จำกัด แต่ก็จัดสรรให้ออกมาน่ารักได้อย่างลงตัว
โดยเครื่องดื่มที่นี่เน้นเป็นเครื่องดื่มดื่มง่าย ราคาไม่แพง เอาใจเหล่าพนักงานออฟฟิศช่วงเที่ยงที่ต้องการกาแฟดี ๆ สักแก้วหรือทานอาหารมื้อเร็ว ๆ ก่อนกลับไปทำงานต่อ ทางร้านใช้กาแฟไทยออร์แกนิกทั้งหมด ส่วนใครชอบกาแฟดริปที่นี่ก็มีเมล็ดกาแฟนอกผลัดเปลี่ยนมาให้ลองชิมเรื่อย ๆ ลองชิมแก้วของ Orange the Crack (95 บาท) กาแฟส้มเพิ่มความสดชื่นให้ยามบ่ายของคุณ หอมกลิ่นกาแฟเข้ากันกับรสชาติสดชื่นของน้ำส้ม หรือใครชอบกาแฟร้อนลองชิม ลาเต้ร้อน (60 บาท) ที่เสิร์ฟมาพร้อมคุกกี้โฮมเมดหนึ่งชิ้นน่ารัก ๆ ก็ได้
หากไม่ชอบกาแฟ ทางร้านแนะนำ Vanilla Milk Shakes (125 บาท) แก้วน่ารัก ๆ ของนมปั่น หอมหวานพอดี ได้กลิ่นวานิลลาเต็ม ๆ ทานคู่กันกับขนมหรือคุ้กกี้ของทางร้านก็เข้ากัน
ส่วนของขนมก็มีให้เลือกหลากหลาย ลองชิม Nutella fresh cream bun with strawberry flakes (85 บาท) ไอศกรีมวานิลลาที่เสิร์ฟมาในรูปแบบของเบอร์เกอร์ ด้านในแน่นไปด้วยช็อกโกแลตหอมหวาน มาพร้อมวิปครีมและสตรอเบอร์รี่อบแห้ง เป็นเมนูล้างปากได้ดี
The Crack Cafe
51 ซอยพหลโยธิน 5
เปิดวันจันทร์ - เสาร์ เวลา 09.00 - 20.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
โทร. 09-7936-6596
www.facebook.com/Thecrackcafe
จากร้านดอกไม้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความน่ารักในการจัดช่อ มาเปิดเป็นร้านคาเฟ่ท่ามกลางสวนดอกไม้ในอารีย์ซอย 2 กับร้าน Flower in hand by P. ที่เป็นทั้งร้านดอกไม้ สตูดิโอจัดกิจกรรมเวิร์คช็อป และคาเฟ่สุดอบอุ่นในร้านเดียวกัน
ตัวร้านตกแต่งโดยเน้นสีขาว และงานไม้สีเข้มเป็นหลัก ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่น และเป็นกันเอง ด้านในตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด มาพร้อมมุมน่ารัก ๆ หลายมุม ให้ได้ถ่ายรูป และนั่งกันเพลิน ๆ ได้ตลอดทั้งวัน
เมนูของทางร้านจะเน้นขนมเบเกอรี่ทานง่าย ไซส์มินิ ทางร้านแนะนำ Cookies (30 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ที่เปลี่ยนคุกกี้แบบเดิม ๆ ด้วยการนำดอกไม้จริงที่ทานได้ มาเป็นหน้าของคุกกี้ ซึ่งจะเปลี่ยนหน้าไปตามซีซั่นของดอกไม้
สำหรับเมนูเครื่องดื่มจะเน้นเสิร์ฟเมนูในสไตล์ Slow Bar มีให้เลือกทั้งกาแฟและชา แนะนำกาแฟดริป Hot Coffee Filter (90 บาท) ซึ่งทางร้านจะเลือกใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดีโดยจะเปลี่ยนชนิดของเมล็ดกาแฟไปเรื่อย ๆ
หรือจะเลือกสั่งเครื่องดื่มเย็น ๆ มาเพิ่มความสดชื่นอย่าง Lavender Lemonade Soda (80 บาท) ไซรัปลาเวนเดอร์ และน้ำเลมอน ที่เพิ่มความซ่าจากโซดา ก่อนโรยด้านบนด้วยดอกลาเวนเดอร์เพิ่มกลิ่นหอม
Flower in hand by P.
ซอยอารีย์ 2
เปิดวันพฤหัสบดี - อังคาร เวลา 9.00 - 19.00 น. (หยุดวันพุธ)
www.facebook.com/flowerinhandbyp
ใครที่ผ่านมาย่านอารีย์แล้วไม่ได้แวะร้านนี้ บอกเลยว่ามาไม่ถึง เพียงเข้ามาที่ซอยอารีย์ 4 (เหนือ) จะพบกับร้าน Bar Storia del Caffè คาเฟ่สไตล์เรโทรวินเทจหลังสีเขียวมินต์ที่มีมุมถ่ายรูปทั่วบริเวณร้าน
คอนเซ็ปต์การตกแต่งสาขาอารีย์จะเน้นความเป็นเรโทรผสมวินเทจ ให้ความรู้สึกถึงความเก่าแก่สไตล์คาเฟ่ในยุโรป ผสมกับความประณีตของเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษ โดดเด่นด้วยเคาน์เตอร์ไม้ที่เน้นสีของไม้จริงและเผยให้เห็นพื้นผิวของเนื้อไม้ รวมถึงชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้สุดคลาสสิกด้วย
อาหารที่ร้านเป็นสไตล์ All-Day Dining สามารถสั่งเบรคฟาสต์หรือจานหลักได้ตลอดวัน เริ่มต้น Oven Baked Egg (250 บาท) เมนูไข่กับผักโขม พริกหวาน เนื้อมะเขือเทศ เห็ด ผัดให้เข้ากันแล้วนำไปอบแบบกราแต็ง แล้วท็อปด้วยไข่ มะเขือเทศย่างและไส้กรอกรสเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมบาแก็ตโทสต์กรอบ ๆ ให้ทานคู่กัน
สำหรับเครื่องดื่ม ทางร้านมีทั้งกาแฟ ชาฝรั่งเศส Mariage Frères น้ำผลไม้ ม็อกเทล ค็อกเทล คราฟท์เบียร์ ไซเดอร์ และไวน์ หากเป็นกาแฟเย็นจะใช้เมล็ดที่เบลนด์ระหว่างโรบัสต้ากับอาราบิก้า ให้อโรม่าของถั่ว เครื่องเทศ คาราเมล และกลิ่นไหม้ รวมถึงกลิ่นอายของผลไม้อบและน้ำตาล ลองสั่ง Iced Caramel Macchiato (140 บาท) ที่เบสด้วยวานิลลาไซรัปและนม จากนั้นราดเอสเพรสโซ่ช็อต และแต่งหน้าด้วยคาราเมลซอส
ส่วนขนมหวาน ทางร้านแนะนำ Bar Storia del Caffè Tiramisu (140 บาท) ทิรามิสุเนื้อฉ่ำกาแฟ ใช้เอสเพรสโซ่สดแทนผงกาแฟเพื่อให้ทิรามิสุมีรสเข้ม ก่อนจะท็อปด้วยมาสคาร์โปนชีสโรยผงโกโก้
Bar Storia del Caffè
ซอยอารีย์ 4 (ฝั่งเหนือ)
วันอาทิตย์ - พฤหัสบดี เปิดเวลา 9.00 - 23.00 น. และวันศุกร์ - เสาร์ เปิดเวลา 9.00 - 00.00 น.
โทร. 0-2057-9448
www.facebook.com/barstoriadelcaffe
มาต่อกันที่คาเฟ่ที่อยู่บริเวณต้นซอยอารีย์อย่าง วันดีคาเฟ่ คาเฟ่สไตล์ไทยที่นำขนมไทยมาดัดแปลงให้เป็นไอศกรีมหลากหลายรสชาติ ทางร้านได้เลือกใช้วัตถุดิบที่ขึ้นชื่อของไทยมาเป็นส่วนประกอบหลักในการทำไอศกรีม เพื่อให้ได้รสชาติไทยแท้ และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองในแต่ละเมนู
ตัวร้านเป็นห้องแถวเล็ก ๆ มีทั้งหมด 2 ชั้น ใช้วัสดุจากไม้ กระเบื้องสีขาว และปูนขัดมันบริเวณเคาน์เตอร์ด้านล่าง เมื่อเดินขึ้นมาชั้น 2 จะพบกับกระจกใสบานใหญ่ที่ช่วยให้แสงสว่างส่องเข้ามา พร้อมจัดวางโต๊ะและเก้าอี้อย่างเรียบง่ายให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของไทย
ทางร้านได้นำขนมไทยมาดัดแปลงให้เป็นไอศกรีม และมีรสชาติหลากหลาย ลองสั่งเมนูขายดี อย่าง ไอศกรีมกะทิหน้ากุ้ง (99 บาท) ไอศกรีมเนื้อตาลโตนดและกะทิ ทานกับข้าวเหนียวมูน ไส้มะพร้าวกุ้ง และทองม้วนกรอบ มีให้เลือกทั้งรสหวานและรสเค็ม
ส่วนใครที่ต้องการเมนูคลายร้อนแนะนำ ไอศกรีมสละลอยแก้ว (119 บาท) ไอศกรีมที่ใช้สละจากระยอง นำมาลอยแก้วแล้วปั่นจนได้เนื้อไอศกรีม เสิร์ฟให้ทานกับสละเจลลี่และเนื้อสละลอยแก้ว มีรสเปรี้ยวอมหวาน
สำหรับเครื่องดื่ม ทางร้านแนะนำซิกเนเจอร์ อย่าง น้ำโตนดแมคคิอาโต้ (ร้อน 85 บาท / เย็น 95 บาท) ลาเต้ผสมคาราเมลตาลโหนด ท็อปด้วยฟองนมนุ่ม ๆ แล้วราดคาราเมลตาลโหนดอีกครั้ง มีความหอม ไม่หวานมาก
วันดีคาเฟ่
ซอยพหลโยธิน 7
เปิดทุกวัน เวลา 11.00 - 23.00 น.
โทร. 09-4146-4049
www.facebook.com/onedeecafe
Chuanpisamai Cafe คาเฟ่สไตล์วินเทจหวาน ๆ และสตูดิโอเช่าชุดแต่งงานและจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นสไตล์วินเทจ ชุดว่ายน้ำ และเครื่องประดับเก๋ ๆ จึงเป็นสถานที่ยอดฮิตของสาว ๆ ที่รักแฟชั่นและการถ่ายรูปเลยก็ว่าได้
ทางร้านตกแต่งด้วยของน่ารัก ๆ ที่สามารถเป็นมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ได้หลากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นจานวินเทจหลากหลายลวดลาย รวมทั้งสตัฟผีเสื้อและแมลงปอหลากหลายสายพันธุ์ที่ประดับอยู่บนผนัง
ทางร้านยังเน้นเสิร์ฟขนมหวานเป็นหลัก โดยมีเมนูใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามามากมาย ลองสั่ง Lemon Poppy Seed Pancake (198 บาท) เมนูที่นำเมล็ดเจียไปผสมกับแป้งแพนเค้ก ทำออกมาสดใหม่ร้อน ๆ เพิ่มความเปรี้ยวด้วยมะนาวเชื่อมที่ทางร้านทำเอง ทานกับครัมเบิล ไอศกรีมวานิลลา ส้ม บลูเบอร์รี่ และซอสเสาวรส ก่อนจะเพิ่มสีสันด้วยเมล็ดทับทิมปิดท้าย ได้รสชาติหวาน หอม ละมุน และตัดเปรี้ยวหน่อย ๆ จากมะนาวเชื่อมที่ราดมาด้วยกัน
สำหรับสาว ๆ ที่ชอบกลิ่นหอมของผลไม้แบบสุด ๆ ทางร้านแนะนำ Chuanpisamai (168 บาท) ไอศกรีมวานิลลา ราดซอสราสป์เบอร์รี่และเจลลี่ลิ้นจี่ที่เติมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของชากุหลาบ ทานพร้อมกันกับเมล็ดทับทิมและผลเบอร์รี่ มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ทานแล้วช่วยให้ผ่อนคลาย
แต่ถ้าชอบเมนูที่ให้สีหวาน ๆ ลองสั่ง Strawberry Milk (128 บาท) นมเย็นที่แยกชั้นเลเยอร์ด้วยสีชมพูกับสีฟ้า ท็อปด้วยวิปปิ้งครีมและมาชเมลโล มีกลิ่นหอมชวนทาน รสหวาน ละมุน
Chuanpisamai Cafe
ซอยอารีย์สัมพันธ์ 7
เปิดวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 11.00 - 21.00 น. (หยุดวันจันทร์)
โทร. 09-5554-0638
www.facebook.com/Chuanpisamaicafe
เวฬาฌา (เว-ลา-ชา) คาเฟ่ในย่านอารีย์ที่ผสมผสานวัฒนธรรมการดื่มชาจากหลากหลายประเทศมารวมไว้ที่นี่โดยคุณปอย จินตวรรณ เจ้าของร้านที่ชื่นชอบในการดื่ม Afternoon Tea และเลือกหยิบขนมหวานของไทยมาทานคู่กับชาคุณภาพดีกว่า 40 ชนิด
ภายในตัวร้านแบ่งออกเป็นสองชั้น ตกแต่งในสไตล์ผสมผสาน หยิบลวดลายกระเบื้อง สีน้ำเงิน และไม้มาเป็นส่วนประกอบหลัก แต่สิ่งที่สื่อถึงความเป็นไทยได้ชัดคือผนังไม้ลายฝาปะกน แนะนำให้เดินขึ้นไปด้านบน ซึ่งด้านบนนั้นได้รับแรงบันดาลใจของการตกแต่งมาจากวัฒนธรรมการดื่มชาจากหลากหลายประเทศ อาทิ จาน จากประเทศตุรกี และกาน้ำชาเพ้นท์ลายของแต่ละประเทศโดยฝีมือของทีมอาร์ตลองก้า
หลายครั้งที่เราทานชาคู่กับขนมหวานแล้วพบว่า รสชาติของทั้งคู่ไม่เสริมกัน ทำให้ชามีรสขม ส่วนขนมมีรสหวานจนเกินไป ดังนั้นชาของที่นี่จึงเน้นเป็นชากลิ่นผลไม้เพื่อให้รสชาติไม่ตัดกับขนมจนเกินไป ทางร้านแนะนำเป็น ชากุหลาบ (แบบกาสำหรับ 1 ท่าน 199 บาท / สำหรับ 2 ท่าน 259 บาท) ชาร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมของกุหลาบ เสิร์ฟพร้อมกับถ้วยชาลวดลายสวยงามและนาฬิกาทราย
ต่อกันที่เมนูหวานเย็นแบบไทย ๆ อย่าง ขนมทับทิมกรอบ (89 บาท) น้ำแข็งไสเสิร์ฟกับเครื่องทับทิมกรอบและน้ำกะทิในถ้วยขนมแบบไทย ๆ
สำหรับเมนูดับร้อนเหมาะกับอากาศประเทศไทย ลองสั่ง กล้วยเชื่อมไอศกรีมกะทิ (89 บาท) กล้วยเชื่อมแบบไทย ๆ เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมกะทิรสชาติไม่หวานจนเกินไป ทำให้เมื่อกล้วยเชื่อมและไอศกรีมรวมกันจะได้รสชาติที่พอดี
เวฬาฌา
213 ซอยอารีย์ 1
เปิดวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 10.30 - 21.00 น. (หยุดวันจันทร์)
www.facebook.com/เวฬาฌา-620141691654439
เบเกอรี่สูตรต้นตำรับออสเตรียร้านแรกในแถบอารีย์ ที่ยกเอาทั้งบรรยากาศและรสชาติแบบยุโรปแท้ ๆ มาให้ได้สัมผัสกัน ถึงแม้ว่าตัวร้านจะซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็ก ๆ แต่คุ้มค่าการเดินทางแน่นอน เพราะที่นี่มีบรรยากาศแสนสบายในรูปแบบบ้านไม้เก่าสีขาวสะอาดตา ดูคลาสสิกและอบอุ่นไปพร้อม ๆ กัน
ด้านในกรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมของขนมปังและเหล่าเบเกอรี่ที่ถูกอบสดใหม่ทุกวัน ผสมผสานกับการตกแต่งที่เน้นการใช้วัสดุจากไม้เป็นส่วนใหญ่ให้ความรู้สึกอบอุ่นในบรรยากาศเป็นกันเอง ด้านเมนูขนมปังและเบเกอรี่มีให้เลือกมากมายเรียงรายไว้บนโต๊ะยาวตรงเคาน์เตอร์และโต๊ะกลางร้าน ลูกค้าสามารถเดินเลือกได้ตามใจชอบ แถมยังมีขนมปังกว่า 6 แบบให้เลือกชิมก่อนตัดสินใจ
ขนมปังที่นี่ถูกออกแบบมาให้ไม่หวานมาก และมีตัวเลือกเป็นขนมปังสำหรับคนที่แพ้แลคโตส หรือแพ้โฮลวีท แบบในยุโรป เมนูแนะนำยกให้ Open Sandwich (80 บาท) ที่มีให้เลือกทั้ง Liptauer และ Frühlingsaufstrich หรือแบบตามใจคนสั่งที่สามารถเลือกรูปแบบชีสกับขนมปังเอง ถ้าสั่งเป็นเซ็ตอาหารเช้า Breakfast Set (250 บาท) ก็จะได้ทั้ง ขนมปัง เนยและแยมที่ส่งตรงมาจากออสเตรีย ไข่ (เลือกได้ 1 เมนูจาก Boil Eggs, Scrambled eggs, Fried eggs) และกาแฟหนึ่งที่
ใครชอบเซ็ตเล็กก็เลือกเป็น Croissant หนึ่งชิ้นและกาแฟหนึ่งแก้ว (110 บาท) ได้เช่นกัน ส่วน Croissant ของที่นี่มีให้เลือกสองแบบทั้ง Original เหนียวนุ่นหอมเนย และแบบ Ham Cheese รสชาติเข้ม
แต่สำหรับใครที่ชอบของหวานแนะนำ Brioche Roll Cinnamon, Brioche Roll Mango and Passion Fruits (40 บาท) รับรองว่าอร่อยไม่ผิดหวังแน่นอน
Landhaus Bakery
18 ถนนพหลโยธิน ซอย 5
เปิดวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 7.00 - 19.00 น.
โทร. 08-1902-9183
www.facebook.com/Landhausbakeryari
Poet House อีกหนึ่งคาเฟ่สุดชิลล์ในอารีย์ซอย 5 ที่พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนูอาหารสไตล์ Comfort Food ในบรรยากาศบ้านหลังน้อยแสนสบายที่สามารถนั่งแฮงก์เอาท์กับเพื่อน ๆ หรือนั่งทำงานชิลล์ ๆ กันได้ตลอดวัน
คาเฟ่เล็ก ๆ แห่งนี้เป็นการนำบ้านหลังเก่ามารีโนเวทใหม่ เพื่อสร้างสรรค์ให้เป็นแหล่งความรู้และนั่งอ่านหนังสือ ทำงานและพักผ่อนชิลล์ ๆ ของคนในย่านนี้ แบ่งออกเป็นสองโซน ฝั่งหนึ่งสามารถนั่งใช้บริการกันในห้องแอร์สบาย ส่วนอีกฝั่งนั้นสามารถเปิดเป็นแบบโอเพ่นแอร์หรือจะปิดเป็นแบบไพรเวทก็ได้ ซึ่งปกติทางด้านนี้ทางร้านจะใช้จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาในทุก ๆ เดือน
สำหรับเมนูที่ทางร้านแนะนำวันนี้ เริ่มต้นกันที่ สปาเก็ตตี้กุ้งคั่วพริกเกลือ (135 บาท) เมนูฟิวชั่นอิตาเลียน - ไทยยอดฮิต ที่ได้หยิบยกสูตรของคุณแม่เจ้าของร้านมาทำโดยใช้เส้นสปาเก็ตตี้คั่วกับกระเทียม พริก เกลือและเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ปิดท้ายด้วยกุ้งสดชิ้นโต คลุกเคล้าให้เข้ากันจะได้สปาเก็ตตี้รสชาติจัดจ้านถูกใจคนชอบทานรสจัด
แต่หากใครไม่ถนัดทานรสจัดจ้านหรือเป็นสายสุขภาพทางร้านก็ยังมี เห็ดออรินจิผัดพริกไทยดำ (85 บาท) เมนูสเปเชียลที่ทางร้านได้เห็ดออรินจิคุณภาพดีมาผัดคลุกเคล้ากับพริกไทยดำจนได้กลิ่นหอมน่าทานเสิร์ฟบนข้าวสวยร้อน ๆ คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วค่อยทานในตอนร้อน ๆ ยิ่งช่วยให้รสชาติดีมากยิ่งขึ้น
อย่าลืมเลือกเครื่องดื่มที่ถูกใจมากดื่มคู่กัน อย่าง Earl Grey Meple (120 บาท) ชาเอิร์ลเกรย์ผสมไซรัปเมเปิ้ลเสิร์ฟคู่กับแท่งซินนามอนเบิร์นไฟ แนะนำให้ลองดื่มก่อน หากต้องการเติมกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นขึ้นค่อยนำแท่งซินนามอนคนลงในแก้ว
Poet House
อารีย์ซอย 5
เปิดทุกวัน เวลา 8.30 - 21.30 น.
โทร. 08-9742-2299
www.facebook.com/poethouse.ari5
สำหรับคนที่ไม่เคยชื่นชอบการทานอะโวคาโด อาจจะเปลี่ยนใจมาหลงรักเมื่อได้มาทานเมนูอะโวคาโดที่นี่ ที่ครีเอทมาเอาใจทั้งคนที่รักอะโวคาโด และมือใหม่หัดชิม
ตัวร้านตั้งอยู่หัวมุมซอย โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งสีชมพูพีชสดใสสไตล์บีชฝั่งแคลิฟอร์เนีย - ไมอามี ในยุค 60's - 70's หน้าร้านเชิญชวนเราให้เดินเข้ามาด้วยไฟตกแต่งรูปอะโวคาโด โลโก้น่ารักที่มีรถเวสป้าสีเหลืองสดใสจอดเป็นมาสคอตประจำร้าน
การกินอะโวคาโดแบบเดิม ๆ จะเปลี่ยนไป เมื่อทุกเมนูภายในร้านถูกสร้างสรรค์รสชาติของอะโวคาโดให้ทานง่าย ได้คุณประโยชน์อย่างครบถ้วน และกลายเป็นส่วนผสมหลักโดยที่ไม่รู้ตัว ทั้งสองคุกคลีอยู่กับการทำเครื่องดื่มจนคิดค้นเครื่องดื่มพิเศษ ทานง่ายได้สุขภาพ อย่าง Avoothie (150 บาท) สมูทตี้อะโวคาโดที่ได้จากอะโวคาโดหนึ่งลูกครึ่ง นำมาปั่นโดยไม่ผสมน้ำหรือนมใด ๆ จนเนื้อเนียนข้น และนำไปแช่เย็นก่อนจะเสิร์ฟให้ลองทานกันแบบสดชื่น หวานมัน
เมนูอาหารที่พลาดไม่ได้คือ กะเพราอะโวคาโด (190 บาท) ผัดกะเพราหมูสับแบบโฮมเมด พร้อมด้วยอะโวคาโดทอดแสนอร่อยที่เอาอะโวคาโดไปหมักกับเครื่องกะเพรา ก่อนจะคลุกเคล้ากับเกล็ดขนมปังผสมใบกะเพรากรอบ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ
แม้แต่ของหวานของทางร้านก็ยังคงมีส่วนผสมของอะโวคะโด Avocado Honey Lemon (155 บาท) เนื้อเค้กเนียนนุ่มที่สอดไส้อะโวคาโด ให้ทุกคำที่ทานสัมผัสเนื้ออะโวคาโดชิ้นโต พร้อมรสชาติน้ำผึ้งอ่อน ๆ ช่วยให้อะโวคาโดไม่ขมแต่หวานนุ่มละมุนลิ้น
Oh Vacoda Café
ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4
เปิดทุกวัน เวลา 10.00 - 22.00 น.
โทร. 09-0986-4779
www.facebook.com/ohvacodabkk
หลายคนคงรู้จักดีกับแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นอย่าง ทองย้อย ที่เปิดมาแล้วสองสาขา ได้แก่ ซอยสุขุมวิท 3 และอารีสัมพันธ์ 7 ล่าสุดก็ได้เปิดคาเฟ่ร่วมกับแบรนด์เสื้อผ้ากับ ทองย้อย คาเฟ่ คาเฟ่เล็ก ๆ ที่เสิร์ฟชา กาแฟ และขนมไทยมากมาย ภายใต้บรรยากาศหวาน ๆ ที่เต็มไปด้วยซุ้มหมู่มวลดอกไม้ให้นั่งเล่นถ่ายรูปกันชิลล์ ๆ
คุณบีม หนึ่งในหุ้นส่วนและเจ้าของร้าน ให้นิยามว่าสีทองแดงสื่อถึงความเป็นทองย้อยได้อย่างดี อีกทั้งยังทาสีผนังด้วยสีชมพูโอลด์โรสเพื่อชวนให้นึกถึงช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เป็นคอนเซ็ปต์ของร้านที่นำ Sunset กับ Sky มาไว้ด้วยกัน ที่สำคัญยังโดดเด่นด้วยซุ้มกำแพงดอกไม้ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกลิ่นอายของเม็กซิโกและเกาะมาดากัสการ์ เป็นอีกมุมถ่ายรูปยอดฮิตของสาว ๆ ด้านบนเป็นช็อปเสื้อผ้าแบรนด์ทองย้อย เป็นเสื้อผ้าใส่สบายในวันหยุด แต่ด้วยความที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้สามารถใส่ไปเที่ยวได้ด้วย รวมถึงชุดลำลองดีไซน์เรียบ ๆ ที่มีให้เลือกซื้อกันหลายแบบหลายสไตล์
ขนมไทยของทางร้านมีให้เลือกมากมาย แต่ละวันจะมีสับเปลี่ยนกันไป สามารถเลือกสั่งได้ทั้งแบบชุดน้ำชาและแบบเซ็ตขนมเดี่ยว ๆ สำหรับเมนูที่ขายดีเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Tea Set (150 บาท) ชาร้อน 1 กา พร้อมขนมไทย 1 อย่าง สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นขนมต้ม ลูกชุบ คุกกี้สิงคโปร์ กลีบลำดวน ขนมชั้น เปียกปูน ปั้นขลิบ ฯลฯ เสิร์ฟในชุดภาชนะทองเหลืองแบบไทย ๆ หรือจะสั่งเฉพาะ เซ็ตขนม 5 อย่าง (150 บาท) มาทานกับเครื่องดื่มอย่างอื่นก็ดีไม่แพ้กัน
ส่วนเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้าน ลองสั่ง Thongyoy Shakerato (90 บาท) กาแฟดำผสมน้ำเลมอน ดื่มค่อนข้างง่าย ใครที่ไม่ชอบกาแฟเข้ม ๆ ต้องลอง
ทองย้อย คาเฟ่
88/2 อารีย์สัมพันธ์ซอย 7
วันจันทร์ - ศุกร์ เปิดเวลา 08.00 - 21.00 น. วันเสาร์เปิด 10.00 - 21.00 น. และวันอาทิตย์ เปิดเวลา 11.30 - 21.00 น.
โทร. 08-4110-9865
www.facebook.com/thongyoyofficial