ในยุคที่ใคร ๆ ต่างหลงใหลในกลิ่นหอมละมุนและรสสัมผัสนุ่ม ๆ ของกาแฟหลากหลายชนิด การได้ลองดื่มกาแฟพรีเมียม ที่ผ่านการประกวดและการันตีด้วยรางวัลต่าง ๆ มากมายของเหล่าบาริสต้าผู้มากประสบการณ์ ก็นับเป็นประสบการณ์ที่ดีไม่น้อยสำหรับคอกาแฟทั้งหลายที่อยากลองมาสัมผัสความอร่อยของกาแฟแท้อย่างมีระดับกันดูสักครั้ง ด้วยเหตุนี้จึงไม่รอช้า ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 5 ร้านกาแฟบาริสต้าระดับรางวัลที่ BKK. คัดสรรมาแล้วเพื่อสายกาแฟที่แท้จริง
ใครที่เป็นคอกาแฟและเป็นสายคาเฟ่ น่าจะคุ้นเคยกับรสชาติที่หลากหลายและเต็มไปด้วยเสน่ห์ของเมล็ดกาแฟชนิดต่าง ๆ ซึ่งอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับความพรีเมียมของรสชาติกาแฟต้องไม่พลาดที่จะมาลิ้มลองความพิเศษนี้ด้วยตัวเองที่ CentralWorld เพราะที่นี่ได้ยกเอาบรรยากาศแห่งความพรีเมียมของร้านกาแฟ ‘Amber Coffee Brewery’ แบรนด์ดังจากฮ่องกงมาไว้ ภายใต้คอนเซ็ปต์การ Collaboration ของ høst x AMBER
อีกหนึ่งความพิเศษของร้านนี้ ต้องยกให้บาริสต้าที่ได้แชมป์บาริสต้าฮ่องกงถึง 2 สมัย แถมยังคว้าที่ 4 จากการแข่งขันระดับโลกอย่างคุณ Dawn Chan มาเทรนและปรับปรุงสูตรกาแฟของที่นี่ให้มีคุณภาพและรสชาติให้ใกล้เคียงกับที่ฮ่องกงมากที่สุด
ทั้งนี้ทางร้านยังให้ความสำคัญไปถึงเรื่องของน้ำที่ใช้ในการทำกาแฟ โดยจะถูกกรองผ่านเครื่องกรองน้ำที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ ให้มีค่าอุณหภูมิเท่ากับที่ฮ่องกง ถือเป็นอีกหนึ่งความพรีเมียมที่ทางร้านได้แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบในเรื่องของกาแฟ
สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่ควรพลาด เพราะพิเศษด้วยเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงนั่นก็คือ Amber (450 บาท) เมนูที่ได้รางวัลอันดับ 4 จากการประกวดระดับโลก แก้วนี้ใช้เมล็ดกาแฟ Gesha 1931 เป็นเอสเพรสโซเบสผสมกับน้ำสับปะรดหมักกับ hobs เมนูนี้มีกิมมิกตรงที่จะเพิ่มอโรมาโดยการเทชา Earl Grey ลงไปในน้ำแข็งแห้งให้เกิดกลิ่นหอมและความเย็น ก่อนที่จะเทควันลงไปผสมกับเอสเพรสโซเบส เสิร์ฟมาแบบมีควันลอยในแก้ว รวมเป็นรสชาติและสัมผัสที่นุ่มนวล ละเอียดอ่อน ค่อนข้างซับซ้อน แต่ให้ความสดชื่นได้ดี
อีกหนึ่งแก้วที่ภูมิใจนำเสนอก็คือ Filter Coffee (ราคาตามเมล็ดกาแฟ) กาแฟดริปหอมกรุ่นที่คุณสามารถเลือกชนิดของเมล็ดได้เอง เป็นอีกแก้วที่จะเติมเต็มประสบการณ์การดื่มกาแฟของของคุณให้น่าจดจำมากขึ้น ด้วยสัมผัสและรสชาติระดับพรีเมียมของเมล็ดนำเข้า แนะนำให้ลองสั่งเมล็ด Gesha Lot ที่ 68 หรือ 79 ทางร้านยังได้ไปประมูลเมล็ด Ethiopia Diamond ซึ่งเป็นเมล็ด World Barista Championship ของปี 2018 มาให้ได้ชิม ซึ่งในประเทศไทยจะมีแค่ที่ høst x AMBER เป็นที่เดียว
อีกแก้วซิกเนเจอร์ ที่ทางร้านแนะนำว่าต้องลอง ได้แก่ Strawberry Soda (115 บาท) แก้วนี้เป็นช็อตเอสเพรสโซที่เป็น Single Origin ผสมเข้ากับ Palm Sugar และโซดา ทำให้ได้รสชาติของกาแฟตามด้วยรสหวานของน้ำตาลปาล์ม ซ่านิด ๆ จากโซดา รสชาติแปลกใหม่น่าลองhøst x AMBER
ชั้น 1 ZEN at CentralWorld
เปิดทุกวัน จันทร์ - พฤหัสบดี เวลา 08.00 - 22.00 น.
วันศุกร์ เวลา 08.00 - 20.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 22.00 น.
โทร. 08-0837-8878
www.facebook.com/hostxamber
หนึ่งร้านกาแฟชื่อดังย่านพญาไท ร้านตกแต่งในสไตล์ Loft Industrial มาพร้อมชื่อเสียงด้านกาแฟที่สั่งสมประสบการณ์มากว่า 4 ปี
การันตีได้จากรางวัลแชมป์บาริสต้าระดับประเทศถึง 2 ปีซ้อนจาก คุณบิว-เศรษฐการ วีรกุลเทวัญ ที่เสิร์ฟเมนูกาแฟแบบต่าง ๆ แถมด้วยเมนู Signature ที่ครีเอทขึ้นเอง โดยมีคอนเซ็ปต์ว่า "อยากให้คนที่ไม่ดื่มกาแฟได้เริ่มลองรสชาติใหม่ ๆ ของกาแฟที่ดื่มง่ายและอร่อย เพราะกาแฟไม่ได้มีแต่รสขมเพียงอย่างเดียว"
กาแฟที่ทางร้านแนะนำคือ Signature ทั้ง 3 แก้วอย่าง Phayathai (120 บาท) ที่หอมสดชื่นด้วยกลิ่นอโรมาจากมะนาว เข้ากันดีกับรสกาแฟที่ไม่เข้มจนเกินไป ตัวเลือกดี ๆ สำหรับคนเริ่มดื่มกาแฟ
อีกแก้วเป็น Factory White (120 บาท) เมนูร้อนที่ให้รสสัมผัสนุ่มพร้อมกลิ่นหอมของกาแฟ เป็นเมนูลูกครึ่งระหว่าง Mocha และ Flat White
ส่วนแก้วสุดท้ายเป็นกาแฟ Cold Brew (100 บาท) สูตรพิเศษของทางร้าน ที่มีส่วนผสมของกุหลาบและบลูเบอร์รี เป็นอีกหนึ่งแก้วที่ให้รสสัมผัสแปลกใหม่ สดชื่น ดื่มง่าย ท้าให้มาลองชิม
Factory Coffee
BTS พญาไท
เปิดทุกวัน เวลา 08.30 - 18.00 น.
โทร. 080-958-8050
www.facebook.com/factorybkk
คงไม่บ่อยนักที่จะเจอบาร์กาแฟที่พร้อมเสิร์ฟกาแฟคุณภาพไปพร้อม ๆ กับการได้ดื่มด่ำบรรยากาศดี ๆ ในร้านสวย ๆ อย่างที่ Wallflowers Cafe ทั้งคนทำกาแฟและคนตกแต่งดีไซน์ร้านใส่ใจในทุกรายละเอียด เพราะคอนเซ็ปต์ของที่นี่คือการทำร้านกาแฟแนวใหม่ที่ไม่เคยมีในเมืองไทยมาก่อน ด้วยสไตล์การตกแต่งที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ ให้มีกลิ่นอายของเรือนกระจกสไตล์ English Cottage ที่มีดอกไม้ ไม้ประดับต่าง ๆ รายล้อมอยู่
กาแฟที่ใช้เสิร์ฟภายในร้าน ส่วนใหญ่เป็นกาแฟ Ninety Plus หรือเป็นกาแฟคุณภาพสูงที่นิยมนำไปใช้ในการแข่งขัน เมนูเครื่องดื่มของที่นี่จึงมีเมล็ดของกาแฟให้เลือกแตกต่างกันตั้งแต่กาแฟ House Blend ของร้านไปจนถึงกาแฟชนิดพิเศษ ทุกเมล็ดที่เลือกสามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบคลาสสิกเอสเปรสโซ่และแบบฟิลเตอร์ ตามมาด้วยเครื่องชงแบบ Modbar บาร์ชงกาแฟสไตล์ Minimalist
นอกจากนี้แล้วยังได้บาริสต้ามากฝีมืออย่าง คุณกานดา-โทจำปา แชมป์ Thailand Barista มาร่วมครีเอทเมนูกาแฟเทคนิคพิเศษต่าง ๆ ให้กับทางร้านด้วย
Le Boissom De Kanda (250 บาท) Signature Drink Award 2016 Carbonate Espresso with Fruit Aroma เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านที่คุณกานดาเป็นคนครีเอทขึ้นเป็นพิเศษ เป็นกาแฟดำผสมกับน้ำผลไม้ เพื่อให้ดื่มได้ง่ายขึ้น โดยผลไม้ที่ทางร้านนำมาใช้นั้น ได้แก่ เลมอน ส้ม พีซ และชาเอิร์ลเกรย์ แล้วเพิ่มเท็กซ์เจอร์ของน้ำด้วย Sparkling Water ซึ่งเข้ากันกับกาแฟที่เลือกใช้ได้เป็นอย่างดี
ส่วนคอกาแฟคนไหนที่กำลังมองหากาแฟที่ใช้เทคนิคพิเศษแบบอื่น ๆ อยู่ละก็ ต้องลองสั่ง Drip Coffee (250 บาท) กาแฟฟิลเตอร์ที่ใส่ใจในเรื่องของน้ำมากเป็นพิเศษ โดยตั้งค่าน้ำให้อยู่ในอุณหภูมิที่จะเหมาะสมกับกาแฟแต่ละชนิดที่ทางร้านลงมือคั่วเอง ซึ่งเมล็ดพันธุ์กาแฟของที่นี่มีความซับซ้อนในเรื่องของกลิ่นและรสชาติ มีหลายฟิลเตอร์ให้ลูกค้าได้เลือก ซึ่งส่วนใหญ่รสชาติที่ได้ก็จะค่อนข้างดื่มง่าย มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
ปิดท้ายกันด้วยเมนู Dirty (150 บาท) กาแฟผสมนมที่ให้ความเข้มข้นอย่างมาก โดยความเข้มข้นนี้ได้จากไขมันของกาแฟที่ทางร้านนำมาสกัดใน 1 นาที คัดเฉพาะส่วนของน้ำมันเท่านั้นให้ลอยอยู่บนหน้าผิวของกาแฟ กาแฟที่ได้จึงมีรสชาตินม ๆ ผสมความเป็น Dark Chocolate หน่อย ๆ
Wallflowers Cafe
ชั้น 2 ร้าน Oneday Wallflowers (31-33) ซอยนานา-เยาวราช
เปิด วันพฤหัสบดี - อังคาร เวลา 11.00 - 19.00 น.
โทร 09-0993-8653
www.facebook.com/onedaywallflowers
ถ้าใครชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ หรือกำลังเริ่มต้นศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟ ลองแวะมาที่ Red Diamond Cafe ร้านกาแฟสเปเชียลตี้และโรงคั่วในบรรยากาศดิบ ๆ ที่ตั้งอยู่ปากซอยสังคมสงเคราะห์ (ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เลียบทางด่วนรามอินทรา - อาจณรงค์)
ร้านนี้เกิดขึ้นจากความคิดของคุณวู้ดดี้ - เจ้าของร้านและคอฟฟี่เทรนเนอร์ที่ได้การรับรองจาก Specialty Coffee Coffee Association of Europe (SCAE) ซึ่งคุณวู้ดดี้อยากให้คาเฟ่แห่งนี้เป็นพื้นที่สำหรับแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับกาแฟในทุกด้าน
สำหรับเมนูกาแฟ ที่นี่จะเน้นเสิร์ฟ Specialty Coffee ที่คัดสรรเมล็ดจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งแบบปกติ Cup of Excellence (CoE), และ Ninety Plus (เมล็ดกาแฟที่ได้คะแนนประเมิน 90 คะแนนขึ้นไป) ซึ่งมีให้เลือกกว่า 60 ชนิด เมล็ดกาแฟจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนทุกวัน รวมถึงเมล็ดกาแฟชนิดพิเศษที่เสิร์ฟให้บริการเพียงไม่กี่แก้วต่อวัน
ขั้นตอนการสั่งกาแฟที่ Red Diamond Cafe จะเริ่มจากการเลือกเครื่องชงกาแฟที่ทางร้านมีทั้งหมด 3 เครื่อง ตัวแรกคือ Mavam Espresso Machine ที่มีความพิเศษคือเป็นเครื่องประเภท Under Counter ทำให้ผู้ดื่มและผู้ชงกาแฟได้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น เพราะไม่มีเครื่องใหญ่ ๆ มาตั้งขวางหน้า
เริ่มต้นด้วย Cafe Latte (150 บาท) ที่ชงจากเครื่อง Mavam Espresso ผ่านกระบวนการ Extraction หรือการไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเมล็ดกาแฟ และทำให้เมล็ดเปียกเพื่อพร้อมท่ีจะสกัด โดยใช้เวลากว่า 80 วินาที จนได้กาแฟคาแรกเตอร์ฟูลบอดี้ที่ไม่มีความขม เข้ากันได้ดีกับนมร้อนที่ผ่านการ Steam รสชาติเข้มข้นและผสมกับกาแฟอย่างลงตัว
หากต้องการสัมผัสกาแฟคุณภาพที่ดีที่สุดของร้าน แนะนำ Panama Geisha Esmeralda No.1 (500 บาท) ให้รสสัมผัสของเชอร์รี อโรมาของดอกไม้และเครื่องเทศรสหวาน รวมถึงรสชาติของคาราเมล เบอร์กามอต และชาเอิร์ลเกรย์
Red Diamond Cafe
ถนนสังคมสงเคราะห์ (ฝั่งเลียบทางด่วนรามอินทรา - อาจณรงค์)
เปิด วันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 09.00 - 20.00 น.
โทร. 08-5044-2662
www.facebook.com/reddiamondcafe
Roots at Sathon เป็นมากกว่าแค่ร้านกาแฟ เพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวการเดินทางของกาแฟไทยคุณภาพดีจากต้นสู่รสชาติพร้อมเสิร์ฟในแบบ Specialty Coffee ที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน พร้อมต้อนรับทุกคนให้เข้ามาดื่มกาแฟและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องกาแฟได้อย่างเต็มที่
ความตั้งใจของ Roots เกิดจาก คุณเต้ - วรัตต์ วิจิตรวาทการ ที่แรกเริ่มเข้าสู่วงการกาแฟ และหันมาศึกษากาแฟไทยอย่างจริงจัง เมื่อมองเห็นว่ากาแฟไทยเองก็เป็นวัตถุดิบที่คุณภาพดีไม่แพ้ชาติใดในโลก และยังได้ลงพื้นที่ร่วมกับเกษตรกรท้องถิ่น พัฒนาคุณภาพของกาแฟด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ และคั่วกาแฟด้วยโรงคั่วของตัวเอง
Roots at Sathon ต่อยอดสาขาที่สองมาจาก The Common ที่คอกาแฟตัวจริงต้องห้ามพลาด ไม่ว่าจะด้วยการเดินทางที่ง่ายกว่าเดิมและรูปแบบร้านที่ชักชวนให้เราเข้ามาใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน ตกแต่งสไตล์เรียบง่ายสบายตาด้วยวัสดุจากไม้สีอ่อนเป็นหลัก พร้อมแสงอ่อน ๆ ที่ทำมุมลอดช่องหน้าต่างเข้ามาตามธรรมชาติ
กาแฟจาก Roots นอกจากจะมีรสชาติที่ 'ดี' ยังสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่ดีในทุก ๆ แก้ว ในแต่ละเดือนจะมีการครีเอทเมนูใหม่ ๆ โดยบาริสต้าในร้านอยู่เสมอ ในส่วนของเมนูแนะนำประจำร้านให้ลองสั่ง The Original Roots Coffee Shake (180 บาท) เมนูที่ให้ความอร่อยมากกว่าการดื่มกาแฟ เพราะทาง Roots ได้นำกาแฟจากบ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย ไปอินฟิวส์กับนมก่อนเพื่อให้รสชาติและกลิ่นของกาแฟแทรกซึมเข้าไปในนม ก่อนที่จะนำไปปั่นเป็นไอศครีมเพิ่มความมัน ให้ทานง่ายเหมือนกำลังชิมของหวาน
Cherry - Cola Float (180 บาท) เมนูที่ทาง Roots คราฟต์เองเกือบ 100% ตั้งแต่เชอร์รีที่นำมาทำไซรัป โคล่า รวมถึงไอศกรีมวานิลลาที่ตกแต่งอยู่ด้านบน และ Cold Brew จากบ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย เข้ามาเพิ่มรสชาติกาแฟ
พิเศษถ้าใครไม่ทานกาแฟ แนะนำให้ลองสั่ง Coffee Blossom Honey Iced Tea (120 บาท) สูตรพิเศษที่นำน้ำผึ้งจากดอกกาแฟมาเป็นซิกเนเจอร์ ทำให้ได้ลิ้มลองน้ำผึ้งที่มีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว รวมเข้ากับชาจากเกษตรกร เป็นที่มาของ Coffee Blossom Iced Tea
Roots at Sathon
Roots at Sathorn ชั้น 1 ตึก Bhiraj Sathorn
เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 20.30 น.
โทร. 08-2091-6175
www.facebook.com/RootsBkk