New Sake Bar in Ekamai
ใครที่กำลังมองหาร้านเหล้าบรรยากาศดี ๆ ลองแวะไปที่ Orihara Shoten อยู่บริเวณด้านหน้า Park Lane Ekamai เป็นร้านขายเหล้าและสาเกบาร์สไตล์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 90 ปี มีสาขาที่โตเกียว สิงคโปร์ และเพิ่งเปิดสาขาที่ 3 ที่กรุงเทพ ฯ เมื่อไม่นานมานี้
Japanese Spirits
สำหรับ Orihara Shoten ในประเทศไทยได้มีการร่วมหุ้นกับ BB&B โดยมีคุณ Yoshito Suzuki เป็นผู้จัดการร้านซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในสาเกและเหล้าญี่ปุ่นเป็นอย่างดี ภายในร้านตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น เน้นไม้เป็นวัสดุหลัก มีตู้แช่สาเกพร้อมป้ายแขวนบรรยายข้อมูลเบื้องต้นของสาเกแต่ละขวด นอกจากนี้ยังมีเหล้าญี่ปุ่นชนิดอื่น ๆ วางขายด้วย หากใครที่สนใจเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการดื่มสาเก ทางร้านก็มีจัดจำหน่ายเช่นกัน
Grab A Bottle
วิธีการสั่งสาเกที่ร้าน จะเริ่มจากการเลือกสาเกจากตู้แช่ โดยคิดค่าเปิดขวดตามปริมาณสาเก หรือหากต้องการนำกลับบ้านก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากราคาที่ระบุไว้ข้างขวด
Japanese Munch & Oden
นอกจากสาเกแล้ว ทางร้านยังเสิร์ฟอาหารทานเล่นเบา ๆ และกับแกล้มเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นโอเด้ง ถั่ว หรืออาหารทะเลอบแห้ง แนะนำ Kaki-Pii (110 บาท) ถั่วอบและแครกเกอร์ญี่ปุ่นกรุบ ๆ หากชอบอาหารทะเลลองสั่ง Sake Toba (240 บาท) ปลาแซลมอนตากแห้งหนึบ ๆ รสเค็ม
หรือใครที่อยากทานโอเด้ง ลองสั่ง ODEN Tamago (50 บาท) ไข่ต้ม, Daikon (70 บาท) หัวไชเท้าสไลซ์, Konnyaku (70 บาท) บุกคอนยัคกุ และ Atsu Age (70 บาท) เต้าหู้ทอด โดยเสิร์ฟมาในซุปพร้อมกับมัสตาร์ดญี่ปุ่นรสจัดจ้าน
How to Make Sake
Yoshito เล่าถึงที่มาของสาเกว่าเกิดจากวัตถุดิบเพียง 4 ชนิด คือ ข้าว น้ำ โคจิ และยีสต์ โดยเริ่มจากการนำข้าวไปขัดสี จากนั้นนำไปหมักกับเชื้อราโคจิ ซึ่งจะทำให้แป้งในข้าวกลายเป็นน้ำตาล และยีสต์จะเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ จนกระทั่งได้เป็นสาเกในที่สุด
Types Of Sake
Yoshito ยังได้อธิบายเพิ่มเติมถึงประเภทของสาเกญี่ปุ่นที่จำแนกรสชาติได้ 4 แบบ แบบแรก Kun-Shu หรือ Aromatic Type จะให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์แต่มีรสชาติเบา แบบที่สอง Juku-Shu หรือ Aged Type ให้รสชาติและกลิ่นที่เข้มข้นตามระยะเวลาที่หมัก แบบที่สาม Sou-Shu หรือ Light & Smooth Type รสชาติมีความเบาและนุ่ม ดื่มง่าย และแบบสุดท้าย Jun-Shu หรือ Flavorful Type มีรสชาติเข้มแต่กลิ่นจะไม่แรง
สาเกสามารถดื่มได้ทั้งแบบเย็นและร้อน ที่อุณภูมิตั้งแต่ 5 - 55 องศาเซลเซียส อุณหภูมิยิ่งต่ำก็จะยิ่งทำให้กลิ่นและรสชาติน้อยลงตามลำดับ ทำให้สาเกมีรสค่อนข้างเบาและดื่มง่าย ในขณะที่หากดื่มแบบอุณหภูมิสูงจะได้กลิ่นและรสชาติที่แรงและหนักขึ้น อย่างไรก็ตามสาเกบางยี่ห้ออาจจะให้ดื่มตามอุณหภูมิที่แนะนำเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
Highball
นอกจากสาเกแล้ว ทางร้านยังมีเหล้าบ๊วย Umeshu และวิสกี้ Suntory ซึ่งจะเสิร์ฟแบบ Kaku High-ball (180 บาท) โดยผสมวิสกี้กับโซดาเข้าด้วยกัน แต่ความพิเศษของ Kakubin ที่นี่ก็คือเสิร์ฟจากตู้กดโดยตรง ทำให้ได้วิสกี้และโซดาในปริมาณที่พอเหมาะและโซดามีความซ่ามากกว่าปกติ