Awesome New Landing
ชาวออฟฟิศย่านลาดพร้าวคงได้ยินข่าวดีกันแล้วกับการมาเยือนของร้าน The Third Pig ที่เปลี่ยนพื้นที่ของธนาคารและร้านอาหารเก่าในย่านห้าแยกลาดพร้าวแห่งนี้มาเป็นร้านนั่งกินดื่มสุดเท่ให้ได้แวะมานั่งดริ๊งก์กันชิลล์ ๆ หลังเลิกงานแบบไม่ต้องไปไกล
A Tale of the Smartest
ด้วยคอนเซ็ปต์ไอเดียที่ชัดเจน ที่ทางร้านนำเอากิมมิกจากนิทานวัยเยาว์เรื่อง ลูกหมูสามตัว มาครีเอทพื้นที่แห่งนี้ให้เหมือนกับบ้านของลูกหมูตัวที่สามที่แข็งแรงที่สุด โดยได้อินทีเรียดีไซเนอร์จาก Studio Krubka มาร่วมเป็นหนึ่งในทีมของร้าน ออกแบบเตาผิงและผนังด้วยการก่ออิฐสีส้ม แล้วกะเทาะออกบางส่วนให้เห็นผนังปูนเปลือยเพื่อเพิ่มความดิบ ใช้กิ่งไม้และถังสังกะสีสำหรับโคมไฟ แล้วตกแต่งร้านด้วยของใช้อย่างเครื่องครัววัสดุไม้ ช่อดอกไม้แห้งและหนังสือนิทานเก่าเพิ่มกลิ่นอายของความเป็นบ้านได้อย่างอบอุ่นและลงตัว
ร้าน The Third Pig แบ่งเป็นสองโซนหลักคือ ตัวร้านที่เลือกใช้โต๊ะเก้าอี้ไม้แบบเนื้อหยาบเพิ่มความเท่ และอีกโซนคือ ห้องเล้าหมู (อยู่ด้านหลังของบาร์) ซึ่งเคยเป็นตู้เซฟเก่าของธนาคารที่ทางร้านจัดแต่งใหม่เพราะตั้งใจเก็บไว้เพื่อจัดเป็นห้อง สำหรับใครที่มองหาพื้นที่เพื่อการสังสรรค์เล็ก ๆ กับเพื่อนแบบเป็นส่วนตัวมากขึ้น
Piglets' Favorite
เมนูอาหารของ The Third Pig เน้นเสิร์ฟอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่น ใครที่แวะมาทานมื้อเย็นที่นี่ ลองสั่งจานหนักหน่อย อย่าง ลาซานญ่ามัสมั่นเนื้อ (250 บาท) ท็อปด้วยชีสเยิ้ม ๆ เข้ากันกับรสชาติเครื่องแกงมัสมั่นที่ตัดเลี่ยนได้อย่างดี หรือ เบอร์เกอร์ไก่สะเต๊ะ (220 บาท) ที่เสิร์ฟในแผ่นแป้งนานแทนขนมปัง มาพร้อมกับอาจาดและซอสถั่ว หรือลองอีกหนึ่งจานที่เราชอบ คือ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ซอสแกงส้มและไวน์ขาว (260 บาท) รสเปรี้ยวกำลังดี ให้ทานคู่กับขนมปังบาแก็ต
Yummy Homey
หลายจานของที่นี่เกิดขึ้นจากความคิดที่เจ้าของร้านนึกถึงอาหารอย่าง สตูว์ ที่ชาวฝรั่งมักมีติดบ้านกันไว้ จึงชวนให้นึกถึงอาหารจานหนึ่งที่ใช้เนื้อหมู ทานง่าย และอุ่นไว้ทานได้หลายวันอย่างพะโล้ จึงมีจานแนะนำที่มีส่วนผสมของเครื่องพะโล้ให้ได้ลิ้มลองกัน อาทิ หมูพะโล้แดดเดียวทอดกับข้าวเหนียว (180 บาท) พะโล้คาโบนาร่า (180 บาท) และแซนวิชหมูพะโล้ (180 บาท)
Pignature Drink
ในส่วนของบาร์ ได้คุณเอก เอกดนัย ยุกตะนันทร์ หนึ่งในทีมงานจากร้าน Mixology มาครีเอทเมนูดริ๊งก์ที่นี่ โดยแนะนำเป็น 3 ดริ๊งก์ที่ตรงตามคอนเซ็ปต์ร้าน กับ Huff & Puff (260 บาท) เป็นแก้วหนึ่งที่มีรสหวานและดื่มง่ายด้วยส่วนผสมของบรั่นดี ชาไทย ฮันนี่ไซรัป น้ำมะนาวและเยลลี่ไวน์ Cabernet Sauvignon แล้วจึงทำการ Smoke เพิ่มควันลงไปเพื่อแทนกิมมิกบ้านฟางของลูกหมูตัวที่หนึ่ง ก่อนจะปิดปากแก้วด้วยข้าวเกรียบว่าวและไวน์เยลลี่
ใครคอแข็งหน่อย ลอง Blowing Twigs (260 บาท) ที่มีเบอร์เบิน เหล้าสวีทเวอร์มุท เหล้าอะเพอรอล วานิลลาบิทเทอร์ เสร็จแล้วท็อปด้วยแบล็คเชอรี่และชินนามอนที่ไหม้นิด ๆ ตามกิมมิกของชื่อดริ๊งก์ที่แทนบ้านไม้ของลูกหมูตัวที่สอง ก่อนดื่ม สามารถปักแท่งชินนามอนลงในแก้วเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมกันได้ส่วนใครชอบดริ๊งก์แบบฟรุ๊ตตี้หน่อย ลอง Brick House Cobbler (260 บาท) ที่มีวอดก้า ช็อกโกแลตลิเคียว น้ำแบล็คเคอร์แรนท์ แครนเบอรี่บิทเตอร์ พอร์ทไวน์ ท็อปด้วยคิทแคท และตกแต่งด้วยใบมิ้นท์ เชอร์รี่ ปิดท้ายด้วยน้ำตาลไอซิ่ง เสิร์ฟในแก้วและปักหลอดอะลูมิเนียมแทนความแข็งแรงของลูกหมูตัวที่สาม