Brasserie Plamier

Riverside Brasserie

Brasserie Plamier ร้านอาหารฝรั่งเศสรูปแบบ Brasserie ใน Four Seasons Hotel Bangkok โรงแรมสุดหรูในย่านเจริญกรุงติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่พร้อมชวนทุกคนมาเปลี่ยนบรรยากาศทานอาหารฝรั่งเศสในรูปแบบสบาย ๆ ด้วยเมนูที่เน้น Sharing และรับลมเย็น ๆ จากแม่น้ำที่พัดเข้ามาเสริมบรรยากาศในการทานอาหาร โดยที่นี่เต็มไปด้วยความชิลล์ คล้ายกับการนั่งทานอาหารอยู่ที่เมืองชายทะเลในฝรั่งเศส

 

บริเวณโซนเอาต์ดอร์รับลมจากแม่น้ำ

Modern Tropical Vibes

สำหรับการตกแต่งของที่นี่ ถูกออกแบบโดย AvroKO บริษัทออกแบบตกแต่งภายในชื่อดังมาเป็นทีมดูแล โดยได้นำแรงบันดาลใจจากบรรยากาศในเขตร้อนของฝรั่งเศส ผสมผสานกับสไตล์โมเดิร์นและโคโลเนียล เพิ่มความร่มรื่นด้วยเหล่าแมกไม้สไตล์เมืองร้อน ครีเอตเป็นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบทรอปิคอลที่เสริมให้การทานอาหารที่นี่มีความเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น

โซนต่าง ๆ ในบริเวณร้านถูกแบ่งออกเป็นโซนเอาต์ดอร์ ที่เปิดให้นั่งชิลล์พร้อมรับลมโชยจากแม่น้ำเจ้าพระยา และโซนด้านในร้านที่มีบรรยากาศหรูหรามากยิ่งขึ้น เน้นใช้ผนังไม้เป็นหลัก เพิ่มจุดดึงดูดสายตาด้วยภาพเพ้นต์ลวดลายธรรมชาติ ตัดกับพื้นลายตารางขาวดำ นอกจากนี้ ยังมีโซนค็อกเทลบาร์ พร้อมเสิร์ฟเมนูดริงก์ให้ใครที่เป็นสายดื่มมานั่งจิบกันอีกด้วย

 

มุมที่นั่งด้านนอกร้าน

 

ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล

 

โซนที่นั่งภายในร้าน

Classic French Brasserie Menus

ด้วยโลเคชันของที่นี่เคยเป็นสะพานปลามาก่อน ทางร้านจึงนำ 'อาหารทะเล' มาเป็นวัตถุดิบหลักในหลาย ๆ เมนู ทุกเมนูถูกสร้างสรรค์โดย เชฟนิโคลัส เรย์นัล หัวหน้าเชฟของทางร้าน เน้นการนำเสนอรสชาติของอาหารฝรั่งเศสที่ไม่หนักมากและยังทานได้ง่าย พิถีพิถันในทุกรายละเอียดตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบไปจนถึงเทคนิคการปรุงอาหาร

มาเริ่มมื้อนี้ด้วยเมนู Seafood Tower (4,200 บาท) ซีฟู้ดทาวเวอร์ที่คัดสรรอาหารทะเลพรีเมียมสดใหม่จากหลากหลายแหล่งที่มา ทั้ง Lobster, Scallops, Diamond clams, Oysters, Tiger Prawns, Banana Shrimps, Whelks และ Mussels เสิร์ฟคู่กับซอสต่าง ๆ และเลมอน เหมาะกับสั่งมาแบ่งกันทาน 2-3 คน

อีกหนึ่งเมนูเรียกน้ำย่อย Marinated sardine tartines, tomato marmalade (450 บาท) โทสต์ชิ้นพอดีคำ เพิ่มรสชาติด้วย Tomato Marmalade รสเปรี้ยวอมหวาน ตัดกับรสเค็มจากปลาซาร์ดีนที่หมักด้วยมัสตาร์ดและวีนีการ์ ท็อปด้วยแตงกวาดองและหอมแดงดอง หรือจะเป็น Palmier french fries, sweet potatoes, homemade ketchup (220 บาท) เฟรนช์ฟรายส์มันหวานสูตรของทางร้าน เสิร์ฟคู่กับซอสมะเขือเทศโฮมเมด

 

Seafood Tower (4,200 บาท)

 

Marinated sardine tartines, tomato marmalade (450 บาท) และ Palmier french fries, sweet potatoes, homemade ketchup (220 บาท)

ตามด้วย Tuna, avocado, mango, fresh basil, ginger pickles (680 บาท) ทาร์ทาร์ปลาทูน่าครีบเหลือง คลุกเคล้ากับอะโวคาโดและมะม่วงสุก เพิ่มรสด้วยขิงดองและเดรสซิ่งมะนาว เสิร์ฟมาในชามน้ำแข็ง ทานแล้วสดชื่น

มาถึงอีกหนึ่งเมนูอาหารฝรั่งเศสสุดคลาสสิกอย่าง Soup a l'onion, beef broth, Comte cheese croquette (420 บาท) ซุปหัวหอมฝรั่งเศสสไตล์ดั้งเดิม ทำจากน้ำซุปเนื้อรสกลมกล่อม ส่วนด้านบนทางเชฟเปลี่ยนจากขนมปังหน้าชีสแบบเดิมมาเป็นแผ่นชีสอบกรอบและเพิ่มคร็อกเก็ตชีสให้ทานคู่กัน

 

Tuna, avocado, mango, fresh basil, ginger pickles (680 บาท)

 

Soup a l'onion, beef broth, Comte cheese croquette (420 บาท)

อีกหนึ่งเมนูซุป Bouillabaise comme a Marseille, crouton, sauce rouille (980 บาท) ซุปปลาสไตล์ฝรั่งเศสดั้งเดิมที่มีต้นกำเนิดมาจากตอนใต้ของฝรั่งเศส เต็มไปด้วยอาหารทะเลหลากหลายชนิด ทั้งปลา กุ้ง และปลาหมึก สามารถเลือกคลุกเคล้าอาหารทะเลและซุปเพื่อทานทั้งหมดพร้อมกัน หรือจะทานแบบแยกน้ำซุปก็ได้เช่นกัน เสิร์ฟคู่กับขนมปังบาแกตต์ที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนจะนำไปอบกับกระเทียม จิ้มทานคู่กับซอสมายองเนสผสมมันฝรั่งบด, กระเทียม และแซฟฟรอน 

ส่วนเมนู Poulet Roti (1,950 บาท) เป็นเมนูดั้งเดิมที่ชาวฝรั่งเศสนิยมทำทานที่บ้าน เหมาะกับการแบ่งกันทานหลายคน ไก่อบทั้งตัว ทางร้านเลือกใช้ไก่ในประเทศไทย อบกับสมุนไพร จนได้เนื้อที่นุ่ม ชุ่มฉ่ำ ไม่แห้ง เสิร์ฟพร้อมกระเทียมอบ

 

Poulet Roti (1,950 บาท)

 

Bouillabaise comme a Marseille, crouton, sauce rouille (980 บาท)

ปิดท้ายด้วย Traditional Profiteroles (320 บาท) ขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสดั้งเดิม ทำด้วยแป้งชูว์ ตรงกลางสอดไส้ด้วยครีมวานิลลา และไอศกรีมวานิลลา เพิ่มความกรุบกรอบด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์เคลือบนำ้ตาล ก่อนทาน ทางร้านจะเทซอสช็อกโกแลตอุ่น ๆ ลงไป ใครที่ชอบขนมหวาน แนะนำให้ลองสั่ง

 

Traditional Profiteroles (320 บาท)