London’s Iconic Café Wolseley in Bangkok
สำหรับใครที่เป็นสาย Foodies คงรู้จักกันดีกับ Café Wolseley ร้านอาหารเก่าแก่จากประเทศอังกฤษที่เปิดมายาวนานกว่า 20 ปี ซึ่งในครั้งนี้ BKK. ขอชวนคุณไปสัมผัสความเอ็กซ์คลูซีฟกันกับ Café Wolseley Bangkok ที่พร้อมเสิร์ฟหลากหลายเมนูอาหารซิกเนเจอร์ต้นตำรับสไตล์อังกฤษมาให้คุณได้ลิ้มลองท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิกราวกับนั่งอยู่ที่ประเทศอังกฤษกันได้แล้ววันนี้ที่โรงแรม Anantara Siam Bangkok Hotel
British Heritage with European Grandeur
ตัวร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของโรงแรม Anantara Siam Bangkok Hotel โดยเปิดให้บริการภายใต้คอนเซ็ปต์เดิมของร้านที่ยังคงสไตล์ความหรูหราและมีดีเทลแบบ Classic European เช่นเดียวกับสาขาแรกที่ตั้งอยู่บนถนน Piccadilly ซึ่งสอดแทรกการตกแต่งในแบบเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความหรูหราด้วยการเลือกใช้โทนสีดำ น้ำตาลเข้ม สลับกับหินอ่อน พร้อมต้อนรับทุกคนให้ได้แวะมาเอ็นจอยกับอาหารจานโปรดและดื่มด่ำบรรยากาศสบาย ๆ อันแสนเงียบสงบของที่นี่ พร้อมเติมเต็มความอบอุ่นด้วยแสงธรรมชาติที่สาดส่องผ่านหน้าต่างบานน้อยเผยให้เห็นพื้นที่สีเขียว
นอกจากนี้ยังมีมุมโต๊ะไพรเวทสำหรับคู่รักหรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าคุณจะมาเป็นคู่ หรือเป็นหมู่คณะ ทางร้านก็มีห้องรองรับได้มากถึง 8 - 18 ท่าน ด้วยกัน ให้คุณได้แวะมาเอ็นจอยกันได้แบบไม่มีเบื่อ
All Signature Menus by David Stevens
สำหรับที่ Café Wolseley Bangkok นั้น ได้ เชฟ David Stevens - Executive Chef ผู้คิดค้นเมนูให้กับ The Wolseley และ Café Wolseley ในประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่เริ่มต้นเปิดร้าน มาประจำการที่สาขาประเทศไทย เพื่อรังสรรค์เมนูสุดคลาสสิกให้ได้รูป รส และกลิ่นตรงตามสไตล์บริทิชขนานแท้ ให้เหล่านักชิมชาวไทยได้สัมผัสความอร่อยโดยตรงแบบไม่ต้องบินไกลไปถึงประเทศอังกฤษ ซึ่งเมนูแนะนำแต่ละจานนั้นจะผสมผสานความร่วมสมัยของวัฒนธรรมอาหารยุโรปเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมเสิร์ฟตั้งแต่มื้อกลางวันจนถึงมื้อเย็นเลยทีเดียว
เริ่มต้นกันที่ Prawn & Avocado Cocktail (580++ บาท) เมนู Starter ที่เปิดความอร่อยด้วยรสชาติสดชื่นของกุ้งลายเสือตัวโต เสิร์ฟมาพร้อมกับเลมอนเจลลี อะโวคาโด และซอส Marie Rose
จานถัดมาเป็น Dressed Dorset Crab (650++ บาท) ที่เชฟเลือกใช้ English Crab เนื้อแน่น โดยนำเฉพาะส่วนเนื้อมาคลุกเคล้าเข้ากับมายองเนสและเลมอน ให้ได้ความอร่อยที่ลงตัว
ส่วนใครที่เป็น Cheese Lover พลาดไม่ได้กับเมนู Soufflé Suisse (500++ บาท) ซูเฟล่เนื้อเนียนนุ่มที่ครีเอตจากเมนูยอดนิยมประจำวันของชาวอังกฤษในช่วงปีค.ศ 1967 โดยมีส่วนผสมของซอสครีมเห็ดและครีมซอสพาร์เมซานชีสแบบจัดเต็ม
มาถึงจานน่าลองอย่าง The Wolseley’s Coq au Vin (900++ บาท) เมนูอกไก่และ Pancetta เบคอนสไตล์อิตาเลียนที่หมักด้วยไวน์แดงนานกว่า 5 วัน จนเข้าเนื้อและได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เสิร์ฟมาพร้อมกับหัวหอมและเห็ด
นอกจากนี้ยังมี Fillets of Lemon Sole ‘Grenobloise’ (1,700++ บาท) เมนูแนะนำของเชฟเดวิดที่เลือกใช้ปลากะพงนึ่งสไตล์ Grenobloise ของทางฝรั่งเศส ซึ่งเชฟจะเลาะเฉพาะส่วนเนื้อออกจากปลาทั้งตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องก้างหรือการรับประทานที่ยุ่งยาก ให้คุณได้ลิ้มรสชาติของปลาเนื้อนุ่มที่โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยวของเลมอน
อีกหนึ่งเมนูแนะนำที่พลาดไม่ได้เห็นทีจะเป็น Tomato & Aubergine Ratatoutille (220++ บาท) เมนูสตูว์ผักยอดนิยมในแถบยุโรปที่มีส่วนผสมของผักนานาชนิด โดดเด่นด้วยวัตถุดิบหลักอย่างมะเขือเทศและมะเขือยาว
หากคุณอิ่มท้องกันแล้วกับเมนูอาหารจานรองและจานหลัก อย่าลืมปิดท้ายมื้อกันด้วยเมนูขนมและเครื่องดื่มแสนอร่อยอย่าง Baked Vanilla Cheesecake (330++ บาท) ชีสเค้กวานิลลาเนื้อเนียนนุ่มละลายในปาก ขนมซิกเนเจอร์ที่ไม่ว่าใครมาเยือนก็ต้องห้ามพลาด!
หรือจะลองเป็น Classic Apple Strudel (320++ บาท) เมนูขนมดั้งเดิมของประเทศออสเตรียที่นำแอปเปิ้ลคัดเกรดและผลไม้อบแห้งมาห่อด้วยแป้งพาย ทานคู่กับครีม Calvados นอกจากนี้ทางร้านยังมีเครื่องดื่มแนะนำให้ลองสั่งอีกด้วย อาทิ Bon Vivant (480++ บาท) และ Mai O Maitai (480++ บาท)