The New Coffee Community of Hario
จากจุดเริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่น สู่ความสำเร็จของคาเฟ่สาขาแรกในเมืองไทยกับ ‘Hario Cafe Bangkok Chokchai 4’ ที่ตั้งอยู่ในย่านโชคชัย 4 ซึ่งในครั้งนี้ทางแบรนด์ก็ได้ขยายสาขาเพื่อนำเสนอกาแฟคุณภาพดีให้เข้าถึงกลุ่มคนรักกาแฟมากยิ่งขึ้น
โดยสาขาใหม่ล่าสุด ‘Hario Cafe Bangkok Thaniya Plaza’ ตั้งอยู่ในโลเคชันย่านสีลม ใจกลางกรุงเทพฯ และยังเป็น Flagship Store ที่ใหญ่ที่สุดของ ‘Hario’ ตั้งแต่เคยมีมา ด้วยพื้นที่ร้านที่กว้างขวาง พร้อมครอบคลุมทั้งโซนคาเฟ่ โซนจำหน่ายผลิตภัณฑ์และสินค้าที่มีทุกประเภทให้เลือกช้อปกันแบบจุใจ รวมไปถึงเมล็ดกาแฟสุดพิเศษจากหลากหลายแหล่งทั่วโลกที่มีให้เลือกมากมาย ถูกใจสาย Specialty Coffee และเหล่า Cafe Hopper กันอย่างแน่นอน!
Four Seasons of Japan
สำหรับสาขานี้มีความพิเศษอยู่ที่บรรยากาศสบาย ๆ ที่ถูกตกแต่งออกมาในสไตล์ Modern Japanese และได้นำเอาฤดูกาลต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่น มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบร้าน ตั้งแต่บริเวณทางเข้าร้านก็ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ญี่ปุ่นด้วยต้นซากุระสีชมพูแสนสดใส ซึ่งเป็นตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิที่เบ่งบาน และเมื่อเดินเข้ามาภายในร้านจะพบกับโซน Speed Bar และ Outdoor ที่เน้นถึงความเร่งรีบ เปรียบได้กับฤดูร้อน
ส่วนใครต้องการดื่มด่ำกาแฟแบบช้า ๆ และอยากพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับบาริสต้า ต้องลองแวะมาที่โซน Slow Bar เพราะเต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นละมุนละไม โดยเน้นการตกแต่งด้วยวัสดุไม้ สื่อถึงกลิ่นอายของฤดูใบไม้ร่วงได้เป็นอย่างดี
ถัดมาที่โซนขายสินค้า ซึ่งเปรียบได้กับฤดูหนาวที่มีความเย็นจากหิมะปกคลุม โดดเด่นด้วยบรรยากาศโปร่งโล่ง เรียบง่าย เน้นมู้ดโทนสีขาวสบายตา เพื่อให้ลูกค้าสามารถแวะมาช้อปหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกทั้ง อุปกรณ์ชงกาแฟ อุปกรณ์ชงชา อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว และอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงโซน Coffee Bean มุมเมล็ดกาแฟสุดพิเศษที่ได้รับรางวัลการันตีจากทั่วทุกมุมโลกมาให้คุณสามารถเลือกช้อปกันได้อย่างเพลิดเพลิน
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ของห้องคั่วกาแฟขนาดย่อม ที่รายล้อมด้วยกระจกใส เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์การคั่วกาแฟอย่างใกล้ชิดจาก Hario Cafe ที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นกรุ่นของกาแฟคุณภาพดีตั้งแต่ก้าวเข้ามาภายในร้าน
Brew for Specialty
แล้วคุณจะต้องประทับใจไปกับเมล็ดกาแฟจาก ‘Hario Cafe Bangkok Thaniya Plaza’ ที่ล้วนคัดสรรมาจากแหล่งปลูกชื่อดังทั่วโลก และยังมีเมล็ดกาแฟพิเศษหายากตาม Seasonal รวมถึงเมล็ดกาแฟ COE (Cup of Excellence) ที่ทางร้านจะประมูลมาหมุนเวียนให้ชาวไทยได้สัมผัสกับกาแฟรสชาติที่ดีที่สุดแบบ Exclusive ได้ที่นี่ที่เดียว
Omakase Coffee Experience
อีกหนึ่งความพิเศษที่น่าสนใจ ขอยกให้กับ Omakase Coffee By Hario Cafe Bangkok Thaniya Plaza ที่พร้อมเปิดต้อนรับให้คอกาแฟได้มาสัมผัสกับประสบการณ์สุดพิเศษกับคอร์สกาแฟโอมากาเสะของสุดยอดกาแฟ Project Origin ซึ่งคัดสรรหลากหลายเมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากทั่วโลก เสิร์ฟมาให้ดื่มใน 4 เมนูด้วยกัน โดยบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมแนะนำและให้คุณแลกเปลี่ยนประสบการณ์ได้อย่างเป็นกันเอง
สำหรับ Omakase Coffee By Hario Cafe Bangkok Thaniya Plaza แนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนเท่านั้น! โดยมีจำกัดเพียงรอบละ 4 ท่าน เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ 2 รอบต่อวัน คือ 14.00 น. และ 16.00 น. ในราคาเพียง 1,500 บาท ต่อ 1 ท่าน
สามารถโทรจองได้ที่ 06-1412-3015
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็น Brewing Center ที่พร้อมต้อนรับเหล่าคนรักกาแฟได้เข้ามา Workshop แลกเปลี่ยนความรู้กับบาริสต้า ซึ่งจะมีกิจกรรม B.I.Y (Brew It Yourself) ที่ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้เรื่องการดริปกาแฟเบื้องต้นได้ฟรี เพียงซื้ออุปกรณ์ Hario ครบ 1,500 บาท ก็นัดวันเข้าร่วม Workshop ดริปกาแฟดื่มเองกันได้เลย
Signature Drinks by Hario Cafe
ในส่วนของเมนูแนะนำจากสาขานี้ เริ่มกันที่เมนู Signature แก้วแรกอย่าง Cold Brew Fizz (190 บาท) กาแฟ Cold Brew ที่ผสมผสานความสดชื่น หอมหวาน ด้วยน้ำผึ้งและน้ำส้มยูซุที่ทางร้านนำเข้าจากญี่ปุ่น ก่อนจะเสริมความนุ่มละมุนด้วยไอศกรีมยูซุโฮมเมด แล้วเพิ่มความพิเศษด้วยรังผึ้งสุดหอมหวานปิดท้าย ให้รสชาติเข้มข้น เปรี้ยวอมหวาน ที่ผสมผสานกันได้อย่างพอดี
ถัดมาที่ Baked Apple Cold Brew (150 บาท) กาแฟ Cold Brew รสชาติเข้มข้นจากเมล็ดกาแฟคุณภาพดี เพิ่มรสหอมหวานด้วยน้ำแอปเปิ้ล ก่อนจะท็อปด้วยชิ้นแอปเปิ้ลเบิร์นปิดท้าย ให้รสชาติหอมหวาน สร้างความสดชื่นตั้งแต่สัมผัสแรกที่ดื่ม
ส่วนใครชอบดื่มกาแฟรสชาติหอมหวาน แต่ยังคงความเข้มข้น ต้องลอง Samui Brulee (190 บาท) ที่อบอวลไปด้วยความหวานของน้ำมะพร้าวจากสมุย ผสมผสานรสชาติละมุนเข้ากับครีมนมพรีเมียม แล้วท็อปด้วยแผ่นน้ำตาลเบิร์นกลิ่นส้ม เสิร์ฟคู่กับช็อตกาแฟ Ristretto จนได้ทั้งความเข้มข้น นุ่มนวล หอมมัน ที่เข้ากันเป็นอย่างดี
อีกหนึ่งเมนู Signature ที่แนะนำว่าต้องลอง Latte on the Rock (150 บาท) ทางร้านใช้กาแฟ Cold Brew เสิร์ฟมาในก้อน Iced Ball คู่กับนมอุ่นให้ราดดื่มพร้อมกัน แก้วนี้ได้รสชาติกลมกล่อม หอมมัน อบอวลด้วยกลิ่นซินนามอนอ่อน ๆ ปิดท้าย
สำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มกาแฟ ทางร้านยังมี Dusk till Dawn (120 บาท) เครื่องดื่มช็อกโกแลตพรีเมียม ที่จัดเต็มความเข้มข้นมาด้วยซอสช็อกโกแลตด้านล่าง ก่อนจะผสมผสานความนุ่มนวลด้วยนมสด แล้วโรยด้วยดาร์กช็อกโกแลตขูดปิดท้าย ถูกใจเหล่า Chocolate Lovers อย่างแน่นอน
มาถึงเมนูเอาใจคนชอบดื่ม Dirty อย่าง Dirty Lampoon (150 บาท) กาแฟนมที่ใช้หลักการเดียวกับ Dirty Coffee ทั่วไป แต่เพิ่มความพิเศษด้วยส่วนผสมของไซรัปลำไย ที่ทางร้านเลือกใช้ลำไยจากจังหวัดลำพูน ที่มาช่วยเพิ่มรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม หอมหวาน ให้แก้วนี้มากยิ่งขึ้น
Homemade Bakery
ในส่วนของขนมหวานและเบเกอรี ต้องห้ามพลาดกับเมนูขายดีของทางร้านอย่าง Japanese Cheesecake (150 บาท) ชีสเค้กสไตล์ญี่ปุ่นโฮมเมดเนื้อนุ่ม ให้สัมผัสกลิ่นหอมละมุนของครีมชีสได้เป็นอย่างดี มีรสชาติที่ไม่หวานจนเกินไป ทานคู่กับเครื่องดื่มแก้วไหนก็เข้ากันได้อย่างลงตัว
ตามด้วยเมนูขนมหวานยอดฮิตอย่าง Croffle Yuzu (110 บาท) ครัวซองต์ที่นำมาอบในรูปแบบของวาฟเฟิล ท็อปด้วยครีมนุ่ม ๆ เสริมความหอมกรุ่นและรสชาติเปรี้ยวอมหวานด้วยซอสส้มยูซุ
A Quick Bite
นอกจากเมนูเครื่องดื่มและขนมหวานจะเป็นที่น่าสนใจของทางร้านแล้ว อีกหนึ่งความพิเศษของสาขานี้อยู่ที่เมนูอาหารคุณภาพดีที่มีให้เลือกทานหลากหลายแบบ แนะนำ Panini Ham Cheese Melt (150 บาท) ขนมปังเซียบัตต้าที่สอดไส้มาให้ทานคู่กับ Smoked Ham และชีส อบร้อน ๆ เสิร์ฟพร้อมผักสลัดที่ราดด้วย Sesame Dressing รสกลมกล่อม ปิดท้ายมื้อนี้ได้อย่างน่าประทับใจ