Enjoy Sophisticated Vibes X The Life Artois' at Hemingway's Bangkok
สายแฮงเอาต์คนไหนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศการนั่งทานอาหารในบรรยากาศเดิม ๆ แล้วกำลังมองหาร้านบรรยากาศดีที่เหมาะกับการดินเนอร์สุดพิเศษแต่ไม่รู้จะไปร้านไหน The Life Artois ชวนคุณมาเช็กอินร้านพิเศษ หนึ่งในลิสต์ร้านจากซีรีส์คอนเทนต์ Enjoy Sophisticated Vibes X The Life Artois ที่เราคัดสรรร้านดูดีมีสไตล์มาให้คุณเอ็นจอยกับบรรยากาศ และเครื่องดื่มที่ดีต่อใจอีกเช่นเคย และครั้งนี้เราขอพาไปทำความรู้จักกับร้านดังในย่านสุขุมวิทอย่าง Hemingway's Bangkok ร้านแฮงเอาต์ยามเย็นที่เหมาะกับการพาคนรู้ใจมาดินเนอร์ในบรรยากาศพิเศษ และสังสรรค์กับบรรดาเพื่อน ๆ หลังเลิกงาน
Inspired by 'Ernest Hemingway'
หากคุณได้มีโอกาสออกเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ เชื่อว่าคุณต้องเจอกับบาร์ที่มีชื่อว่า 'Hemingway' อย่างแน่นอน โดยชื่อนี่มีที่มาจาก 'Ernest Hemingway' นักประพันธ์ชื่อดังแห่งศตวรรษที่ 20 ที่นอกจากผลงานขึ้นชื่อเขายังได้ฉายาในวงการนักดื่มจนเป็นแรงบันดาลใจให้หลาย ๆ ร้านทั่วโลกหยิบเรื่องราวของเขามาตีความ และสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปเพื่อต้อนรับนักดื่มคอเดียวกัน Hemingway's Bangkok จึงหยิบยกบ้านโคโลเนียลหลังขาวอายุกว่า 90 ปี ที่เคยเป็นที่พำนักของเอกอัครราชทูตของต่างประเทศมาอย่างมากมายเป็นที่นัดพบของนักสังสรรค์ ก่อนจะย้ายมาเปิดให้บริการที่ซอยสุขุมวิท 11 และจำลองบรรยากาศเดิม โดยไม่ทิ้งแรงบันดาลใจที่ได้มาจากนักประพันธ์ในตำนาน
เมื่อเราเข้ามายังซอยสุขุมวิท 11 จะเห็นบ้านหลังใหญ่โดดเด่นอยู่กลางซอย พร้อมเปิดต้อนรับด้วยความอบอุ่นเป็นกันเองให้คุณเข้าไปแฮงเอาต์ ทานอาหารอร่อย ๆ เคล้าคลอไปกับเพลงบรรเลงและเครื่องดื่มดีต่อใจ พื้นที่ภายในร้านแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ บริเวณสวนหน้าบ้านพร้อมที่นั่งเอาต์ดอร์กลางสวนในบรรยากาศสบาย ๆ ด้านในชั้นหนึ่งเป็นบาร์ไม้โค้งยาวโดดเด่นพร้อมแท็ปเบียร์ให้บริการ และบริเวณที่นั่งชั้นสองที่ตกแต่งให้มีสีสันและความสนุกมากยิ่งขึ้นในบรรยากาศคลาสสิก เหมือนได้มาเยือนบ้านเพื่อนเก่าอย่าง Hemmingway
Let’s Hangout and Make Some Dinner!
นอกจากเป็นจุดนัดพบในยามค่ำคืน ทางร้านยังเปิดให้บริการตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนถึงตีหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนเข้ามาทานอาหารอร่อย ๆ ได้ตลอดทั้งวัน และแน่นอนว่าอาหารของที่นี่ยังได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินทางท่องเที่ยวของ Hemmingway ในหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะสไตล์ละตินอเมริกา ผสมผสานกับความยูนีคในแบบเอเชียของบ้านเราให้ทานง่ายและอร่อยถูกปาก โดยเสิร์ฟตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อยไปจนถึงจานหลักอย่างเช่น แซนด์วิช พาสต้า เบอร์เกอร์ พิซซ่า และเมนูเนื้อที่ห้ามพลาดสั่งมาทาน Pairing กับเครื่องดื่ม
บรรยากาศดี ๆ แบบนี้เหมาะแก่การสั่งเครื่องดื่มเย็นชื่นใจมาจิบให้ผ่อนคลาย และเอ็นจอยไปกับแสงไฟและความสนุกสนานของการแฮงเอาต์หลังเลิกงาน แนะนำให้ลองสั่งเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง Hemmingway Chicken Wing (360 บาท) ปีกไก่ทอดกรอบชิ้นใหญ่สูตรพิเศษของทางร้าน เสิร์ฟคู่กับซอสพริกและบลูชีสซอสเข้มข้น ถัดมาเป็น Calamari (280 บาท) ปลาหมึกเนื้อนุ่มนำไปคลุกเคล้ากับแป้งบางกรอบปรุงรสให้มีความเผ็ดเล็กน้อย ทานคู่กับซอสพริกที่โรยพริกป่นผสมปาปริก้ามาช่วยเพิ่มรสชาติให้มีความเผ็ดเเซ่บมากยิ่งขึ้น
ถัดมาเป็นจานหลักที่เสิร์ฟ Truffle Tortellini (480 บาท) เอาใจ Truffle Lover ด้วย Tortellini ที่หาทานได้ยากโดยจะมีลักษณะเหมือนเกี๊ยวชิ้นเล็ก ๆ ที่ทางร้านนวดแป้งและทำเองทุกขั้นตอน ก่อนจะใส่ไส้สูตรพิเศษที่หอมเป็นเอกลักษณ์อย่างเห็ดทรัฟเฟิล และบรรจงห่อทีละชิ้นอย่างพิถีพิถัน คลุกเคล้ากับซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิลเข้มข้น รีคอตต้า และพาร์เมซานชีส ก่อนจะท็อปด้วยทรัฟเฟิลที่ขูดเป็นชิ้นบาง ๆ ลงไปแบบจัดเต็ม
และเมนูสุดท้ายกับ Big Beefy Burger (580 บาท) เสิร์ฟความอร่อยชุดใหญ่ด้วยเบอร์เกอร์เนื้อ Dry-Aged บด เบคอนรมควัน ท็อปด้วยอเมริกันชีส ผักเครื่องเคียง ก่อนราดด้วยเบอร์เบินซอสเพิ่มความอร่อยกลมกล่อม เสิร์ฟมาคู่กับหัวหอมทอดและเฟรนช์ฟรายให้ทานคู่กัน แน่นอนว่าเมนูเนื้อกับชีสเป็นของคู่กัน เมื่อยิ่งทานคู่กับเครื่องดื่มก็จะช่วยเพิ่มรสชาติให้มื้อนี้อร่อยน่าประทับใจมากกว่าเดิม