Special Seasonal Menus
ชวนมาเปิดประสบการณ์ความอร่อยที่ KINKI Japanese Progressive Dining and Bar ร้านอาหารญี่ปุ่นแนวใหม่ที่มาพร้อมความพิเศษไม่เหมือนใคร กับสไตล์การเสิร์ฟอาหารแบบ Japanese Progressive Dining ที่ทุกเมนูจะแฝงไปด้วยกิมมิกสุดสร้างสรรค์ พิถีพิถันในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกใช้วัตถุดิบพรีเมียมเกรดร้านโอมากาเสะ ไปจนถึงการจัดจานที่สวยเก๋แบบเฉพาะตัว ที่คุณต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาแชะภาพก่อนทานกันอย่างแน่นอน
และในช่วงนี้เค้ายังมี Seasonal Menu ในราคาสุดพิเศษ ที่ใช้วัตถุดิบหลักอย่าง ‘ปลาคิงกิ’ สัญลักษณ์ของอัญมณีสีแดงแห่งท้องทะเล ซึ่งหาทานยากมากแต่นำมาเสิร์ฟแบบพิเศษให้ทานกันเฉพาะช่วงนี้เท่านั้น!
BKK. ขอยั่วน้ำลายด้วยการพาไปพบกับเมนูไฮไลต์แรกที่พลาดไม่ได้กับ 7 Crowns Kamameshi (1,750 บาท) เมนูสุดฮิต ที่รวบรวมอัญมณีแห่งท้องทะเลญี่ปุ่น 7 ชนิด ทั้งปลาคิงกิจากฮอกไกโด ปูทาราบะ ปูซูไว บาฟุนอูนิ หอยเชลล์ฮอกไกโด อิคุระ และโทบิโกะ มาเสิร์ฟในรูปแบบเมนูข้าวคลุกราดซอสสูตรพิเศษในหม้อร้อน โดยนำก้าง ตับ และหัวปลากินกิ ไปซูวีนานกว่า 24 ชั่วโมง และเพิ่มกลิ่นและรสชาติของท้องทะเล ด้วยเปลือกกุ้ง เปลือกปู กุ้งฝอย กังป๋วยและน้ำมันคาโนล่า ก่อนนำมาเสิร์ฟร้อน ๆ ในหม้อ ให้เราคลุกเคล้าจนเข้ากันก่อนลิ้มรสความอร่อย
ถัดมาเป็น 4 Jewels Shabu Shabu (1,500 บาท) เมนูชาบูหาทานยาก! ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติของท้องทะเล โดยเฉพาะซุปที่ต้มอย่างพิถีพิถัน ด้วยการนำก้าง ตับ และหัวของปลาคิงกิ ไปตากแห้ง 3 วัน และอบด้วยอุณหภูมิ 180 องศา แล้วนำไปปั่นเป็นผงเพื่อนำไปต้มกับซุปสาหร่ายคอมบุ ปลาโอ และกังป๋วย จนออกมาได้รสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมกับปลาคิงกิ ปูทาราบะ ปูซูไว และหอยเชลล์ฮอกไกโด พร้อมผักให้คุณค่อย ๆ ใส่วัตถุดิบลงไปต้มพร้อมซดน้ำซุบร้อน ๆ คล่องคอตามแบบฉบับของชาบูจากญี่ปุ่น
ไปต่อกันที่ Ruby & Amber Sushi (850 บาท) ซูชิปลาคิงกิคำโต! ที่แม้จะหาทานยาก แต่ครั้งนี้นำมาเสิร์ฟแบบเต็มคำด้วยการนำปลาคิงกิไป Wet Aged ถึง 4 วัน เพื่อให้รสชาติเข้มข้นและชุ่มชื้น ก่อนเสิร์ฟเชฟจะเบิร์นเล็กน้อยให้มีกลิ่นหอม และท็อปด้วยบาฟุนอูนิ คาเวียร์ และวาซาบิดอง เพิ่มความพิเศษด้วยโชยุเจลลีรสชาติเข้มข้น
และปิดท้ายด้วย Pearl Tofu (190 บาท) เมนูเต้าหู้สุดพิเศษที่ทำมาจากงาดำและงาขาวโฮมเมด ผสมเข้ากับกังป๋วยเพื่อเพิ่มรสชาติของท้องทะเล เสิร์ฟพร้อมซุปสูตรพิเศษที่ใช้ซุปจากการต้มปลาคิงกิ และเนื้อปูซูไวมาเสิร์ฟคู่กันแบบร้อน ๆ
นอกจากนี้ยังมีเมนูน่าทานอื่น ๆ อีกเพียบให้ลิ้มลองไม่ว่าจะเป็น ซุป สลัด ซูชิมากิ ซาซิมิ ฯลฯ ขอแนะนำเมนูไฮไลต์ที่แวะมาทานเมื่อไหร่ก็ต้องติดใจ Kaizen Taco and Uni Caviar (550 บาท) ไคเซนทาโก้แป้งบางกรอบท็อปด้วยอูนิและคาเวียร์แบบจัดเต็ม Mist-ery (380 บาท) โรลแซลมอนเมนไทโกะเสิร์ฟคู่กับมูสโชยุ Oyako Risotto with Poached Egg and Negima (400 บาท) ริซ็อตโตท็อปด้วยไข่ลาวาและไก่ย่างเนงิอร่อยกลมกล่อม และปิดท้ายความอร่อยด้วย Japanese Garden (Kinki' Black Sesame Ice-cream) (240 บาท) ไอศกรีมงาดำสูตรพิเศษจากคิงกิ
Modern Japanese Luxury
นอกจากความอร่อย ยังอยากชวนมาสัมผัสความแปลกใหม่ของสไตล์ร้านที่ผสมผสานทั้งวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและความหรูหราแบบ Modern Japanese Luxury เข้าด้วยกัน ผ่านการตกแต่งในโทนสีเข้ม โดดเด่นสะดุดตาด้วยครัวแบบ Open และบาร์ค็อกเทลกลางร้าน ที่ออกแบบให้เล่นไปกับมิติของวงกลมและสี่เหลี่ยม คล้ายราวกับอยู่ท่ามกลางพระจันทร์ดวงใหญ่ นอกจากนี้ยังดึงเอาภาพจำของญี่ปุ่น ด้วยการหยิบเอาเอเลเมนต์น่ารัก ๆ อย่าง แมวกวักมาเนกิเนะโกะ และปลาคาร์ฟซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีมาเพิ่มสีสันไว้ยังจุดต่าง ๆ ของร้าน
บรรยากาศของร้านสบาย ๆ เหมาะกับการพาเพื่อนหรือครอบครัวมานั่งชิลด้วยกันในโมเมนต์พิเศษ หรือแฮงเอาต์หลังเลิกงาน เพราะนอกจากเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นสุดครีเอต ยังมีเมนูเครื่องดื่มครบครันตั้งแต่ ไวน์ เบียร์ สาเกหายากนำเข้าจากญี่ปุ่น ไปจนถึงค็อกเทลสุดคราฟต์ เคล้าคลอไปกับ Live Music ชิล ๆ ในช่วงค่ำ
ใครที่อยากใช้ช่วงเวลาดี ๆ ทานอาหารญี่ปุ่นในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร แนะนำให้สำรองโต๊ะล่วงหน้าผ่านทาง Line @kinkibkk หรือ lin.ee/MyQl1zw ได้เลย ร้านตั้งอยู่บริเวณขั้น 1 ของโรงแรม Ascott Thonglor Hotel ใกล้ BTS ทองหล่อ ใครที่นำรถส่วนตัวมา สามารถจอดรถภายในที่จอดของทางโรงแรมได้เลย