Re - Imagines Kaiseki Dining by Chef Jeff Ramsey
เปลี่ยนประสบการณ์การทานอาหารญี่ปุ่นในสไตล์ไคเซกิแบบเดิม ๆ แล้วมาลองทานอาหารญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยความครีเอทีฟจาก Jeff Ramsey เชฟหนุ่มสัญชาติอเมริกัน-ญี่ปุ่น ผู้อยู่เบื้องหลังร้านอาหารชื่อดังหลายร้านทั่วโลก และยังได้รับมิชลินสตาร์จากร้านในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย โดยครั้งนี้เชฟ Jeff Ramsey ได้เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นในสไตล์ไคเซกิรูปแบบใหม่ที่เพิ่มความแปลกใหม่และไอเดียลงไป สำหรับร้าน Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey ตั้งอยู่บนชั้น 3 โซน Epicurean ของ The Athenee Hotel BangkokThe Great Combination
ภายในร้านถูกออกแบบตกแต่งอย่างสวยงามโดยเน้นการผสมผสานสไตล์ Modern Japanese ที่มีความมินิมัล เข้ากับองค์ประกอบลวดลายและพื้นผิวแบบ Rustic สื่อถึงความงดงามของสมัยใหม่และเก่าได้เป็นอย่างดี เลือกใช้ระแนงและเฟอร์นิเจอร์ไม้ประดับตามมุมต่าง ๆ ตัดกับลุคเท่ขรึมจากเคาน์เตอร์บาร์และผนังสีดำ
ทางร้านมีหลากหลายโซนที่นั่ง ทั้งบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ที่ล้อมครัวเปิดเอาไว้ ให้ได้นั่งมองเหล่าเชฟครีเอตเมนูต่าง ๆ หรือจะเป็นมุมที่นั่งแบบโต๊ะที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้นสำหรับใครที่มาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ส่วนใครที่มาเป็นกลุ่มใหญ่หรืออยากได้ความไพรเวท ทางร้านยังมีห้องส่วนตัวไว้รองรับอีกด้วย
The Art of Repairingคำว่า 'Kintsugi' (คินสึงิ )ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง การเชื่อมเซรามิกที่แตกหักด้วยทอง ทำให้เกิดเป็นผลงานศิลปะในแบบใหม่ที่ยังคงความงามของชิ้นงานเซรามิกนั้น ๆ เอาไว้ และยังเพิ่มความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของสีทองอร่ามลงไปอีกด้วย ซึ่ง Kintsugi ยังเป็นคอนเซ็ปต์ของทางร้านที่ต้องการนำอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มาเพิ่มไอเดียและสีสันใหม่ ๆ ลงไป แต่ยังคงเสน่ห์ของอาหารญี่ปุ่นเอาไว้เช่นเดิม
Taste The Creative Dishes
จุดเด่นของอาหารที่นี่อยู่ที่การนำเสนอไอเดียความแปลกใหม่ที่ถูกผสมผสานลงไปในอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมจนกลายเป็นอาหารญี่ปุ่นในสไตล์ของทางร้าน สำหรับเมนูอาหารของที่นี่ จะมีทั้งเมนู A la carte และแบบคอร์ส ซึ่งจะแบ่งเป็นคอร์ส ITO (9 คอร์ส ราคา 2,500++ บาท) และคอร์ส KIN (12 คอร์ส ราคา 4,400++ บาท)
ทางร้านแนะนำเมนูเด่น ๆ อย่าง Alaskan King Crab and Black Truffle Chawanmushi ไข่ตุ๋นเนื้อนุ่มเนียนสไตล์ญี่ปุ่นที่นำไปตุ๋นในอุณหภูมิ 85 องศาเป็นเวลา 14 นาที จนได้เนื้อไข่ตุ๋นที่นุ่มนวลคล้ายคัสตาร์ด ตุ๋นกับเนื้อปูอลาสก้า ราดด้วยซอสที่คล้ายกับซอสเกรวี่ ก่อนจะเพิ่มความหอมด้วยน้ำมันทรัฟเฟิลและทรัฟเฟิล
ต่อด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของเชฟที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับ Nagano Walnut Soba เมนูโซบะเสิร์ฟแบบเย็นที่ทางเชฟใช้เส้นโซบะเนื้อนุ่มหนึบจากเมืองนากาโน่ ท็อปด้วยเครื่องเคียงต่าง ๆ ถึง 7 ชนิด เช่น งาขาว, เมียวงะ และต้นหอม เป็นต้น ทานคู่กับซอสสึยุที่ทำจากสาเกและโชยุ ผสมกับวอลนัท ทำให้ได้รสชาติเข้มข้นที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มความเย็นด้วยกรานิต้าน้ำมันวอลนัท
มาถึงเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Kin Kat เมนูที่เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากขนมสุดฮิต Kit Kat ตัวเวเฟอร์ทำจากแป้งขนม Wanaka สอดไส้ครีมฟัวกราส์ผสมกับคอนยัคและมิริน เคลือบด้วยช็อกโกแลต ก่อนจะเสิร์ฟมาในแพคเกจจิ้งสีแดง ความกรอบของเวเฟอร์เข้ากันได้ดีกับความครีมมี่ของฟัวกราส์
ตามด้วยเมนู Japanese Wagyu A4 เนื้อวากิวจากญี่ปุ่นระดับ A4 ย่างมาอย่างพอดี ท็อปด้วย Kombu Butter หรือเนยผสมสาหร่ายคอมบุ เสิร์ฟคู่กับเมล็ดพริกไทยดองและผักเคียงย่าง
Double Stock Soup with Tsukune and Yuzu ซุปสองชนิดที่ผสมด้วยกันอย่างลงตัว ซุปตัวแรกได้จากน้ำสต็อกไก่ ซุปส่วนที่สองได้จากน้ำสต็อกดาชิ ก่อนจะเพิ่มรสชาติด้วยโฟมส้มยูซุ และยังมีลูกชิ้นเนื้อไก่ด้วย แนะนำให้ยกดื่ม จะได้รสชาติกลมกล่อมของซุปน้ำสต็อกไก่และดาชิ ก่อนจะเจอรสเปรี้ยวของโฟมส้มยูซุเย็น ๆ เป็นเมนูที่รสชาติลงตัวและอยากดื่มไปเรื่อย ๆ
ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวานเย็น ๆ อย่าง Melon ไอศกรีมเชอร์เบทเมลอนรสหอมหวาน ท็อปด้วยโฟมเมลอนผสมกับเลมอน ทานคู่กับเนื้อเมลอนญี่ปุ่นสด ๆ