Jazz and Vinyl Bar Hidden in Josh Hotel
ชวนมาดื่มด่ำโลกแห่งเสียงเพลงและดนตรีแจ๊สกับ Long Play Music and Bar ไวนิลบาร์ที่ซ่อนตัวอยู่บนบูทีคโฮเทลสุดเก๋แห่งย่านอารีย์อย่าง Josh Hotel พร้อมต้อนรับทุกคนให้ได้มาแฮงเอาต์ ทานอาหารอร่อย ๆ และจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดที่ถูกใจ ท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ให้กลิ่นอายความเป็น Speakeasy Bar ที่มาพร้อมเสียงเพลงสนุก ๆ ในทุกค่ำคืนจากดีเจแผ่นเสียงไวนิลและวงดนตรีแจ๊ส ที่จะหมุนเวียนมาสร้างสีสันให้คุณเอ็นจอยกันได้แบบยาว ๆ
Enjoy Live Jazz and DJ Vinyl Along
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็เหมือนได้หลุดเข้ามาในโลกใบใหม่ ด้วยบรรยากาศหรูหรา ลึกลับ และน่าค้นหา ทว่ากลับให้ความรู้สึกอบอุ่น สบาย ๆ ด้วยมู้ดแอนด์โทนการตกแต่งร้านที่เรียบง่าย ชวนสะดุดตาด้วยโปรเจกเตอร์ฉายภาพยนตร์ขนาดใหญ่ และมุมไวนิลบาร์ที่เรียงรายด้วยแผ่นเสียงสุดคลาสสิกมากมาย ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงเพราะ ๆ จากแผ่นไวนิลตลอดคืน นอกจากนี้ยังจะได้ดื่มด่ำไปกับดนตรีแจ๊สฟังง่ายจากหลากหลายวงดนตรีที่จะคอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาร้องให้ฟังกันแบบเพลิน ๆ ก่อนจะเพิ่มเติมสีสันด้วยอีกฝั่งของทางร้านที่ถูกจัดให้เป็นเคาน์เตอร์บาร์ค็อกเทล พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มแก้วโปรดรสชาติถูกใจ ระหว่างนั้นคุณยังจะได้เพลินตาเพลินใจไปกับลีลาการชงเครื่องดื่มของบาร์เทนเดอร์ไปพร้อม ๆ กัน
Sip Your Favorite Drinks and Enjoy Delicious Foods
สำหรับเมนูของทางร้านพร้อมเสิร์ฟอาหารทานง่ายหลากหลายสไตล์ มีทั้งอาหารไทยไปจนถึงอาหารสไตล์ตะวันตก จับคู่กับเครื่องดื่มแก้วโปรดที่มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าคุณจะเป็นสายไวน์หรือสายค็อกเทลก็ครบจบในที่เดียว
สำหรับเมนูแรก เริ่มต้นความอร่อยด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยในหมวด Appetizer อย่าง BBQ Parmesan Fries (220 บาท) เฟรนช์ฟรายส์ทอดกรอบคลุกเคล้ารสชาติด้วยเครื่องปรุงรสบาร์บีคิว แล้วโรยด้วยพาร์เมซานชีสปิดท้าย เสิร์ฟพร้อม Garlic Aioli หรือซอสมายองเนสรสกระเทียมกลมกล่อม เหมาะสำหรับทานคู่กับเครื่องดื่มเพลิน ๆ
ตามด้วย Fried Corn Ribs (195 บาท) ข้าวโพดย่างจนได้ความหอมหวาน ผสมผสานรสชาติความกลมกล่อมเข้ากับพาร์เมซานชีสและเครื่องปรุงรสบาร์บีคิวเข้มข้น เคียงมาคู่กับมะนาวเพื่อเพิ่มมิติของรสชาติ ทานคู่กับ Garlic Aioli เข้ากันได้แบบลงตัว
เอาใจคนรักพาสต้าด้วยเมนู Butter Prawns Pasta (265 บาท) สปาเก็ตตี้เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี ผัดคลุกเคล้ารสชาติความเข้มข้น จัดจ้าน ด้วยส่วนผสมของพริกแห้ง กระเทียม และใบอิตาเลียนพาร์สลีย์ ที่เสริมรสชาติความกลมกล่อมด้วยพาร์เมซานชีส ท็อปด้วยกุ้งย่างเนยหอม ๆ ทานพร้อมกันได้ความอร่อยที่แสนลงตัว
อีกหนึ่งเมนูแนะนำ ต้องลอง Pan Roasted Salmon (430 บาท) แซลมอนนอร์เวย์ที่ย่างมาแบบกรอบนอกแต่ยังคงความนุ่มชุ่มฉ่ำด้านใน ราดด้วยซอส Nduja ที่ให้ความหอมและรสชาติเผ็ดเฉพาะตัว เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบดที่เพิ่มความพิเศษด้วยเบคอนและมะเขือเทศย่าง ช่วยเสริมรสชาติให้จานนี้แปลกใหม่มากยิ่งขึ้น
มาถึงอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจไม่แพ้กัน แนะนำ Slowly Roasted Chicken Quarter (300 บาท) เมนูไก่ย่างที่ต้องใช้ความพิถีพิถันด้วยการนำไก่ไป Sous Vide จนได้ความกรอบที่ยังคงความนุ่มชุ่มฉ่ำแบบได้ที่ แล้วนำไปย่างซ้ำอีกทีเพื่อให้ได้ความหอม เสิร์ฟมาพร้อมมันฝรั่งบด เห็ด และข้าวโพดอ่อน ก่อนจะราดด้วยน้ำซอสรสกลมกล่อมปิดท้าย
ส่วนใครเป็น Oyster Lovers ทางร้านก็มีให้เลือกมากมายหลากหลายชนิด แนะนำ Istrenn Oyster (297 บาท / 3pcs) หอยนางรมสดส่งตรงจากฝรั่งเศส เสิร์ฟพร้อมมะนาวและ Dressing รสชาติเปรี้ยวสดชื่น ไม่ว่าจะทานคู่กับเครื่องดื่มแก้วไหนก็เป็นการจับคู่ความอร่อยได้แบบลงตัว
หรือจะเป็น Suratthani Oyster (330 บาท / 3pcs) หอยนางรมสดจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ของดีจากทางภาคใต้ประเทศไทย เสิร์ฟมาให้ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสชาติแซ่บจัดจ้าน พร้อมเครื่องเคียงต่าง ๆ อย่าง มะนาว หอมเจียว และน้ำพริกเผา เข้ากันได้เป็นอย่างดี
จากนั้นมาลิ้มลองความอร่อยของเมนูขนมหวาน อย่าง Strawberry Waffle (220 บาท) วาฟเฟิลโฮมเมดที่อบจนกรอบ สอดไส้ด้วยครีมวานิลลานุ่มละมุนและสตรอเบอร์รี โรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง แล้วราดด้วยเมเปิ้ลไซรัปหอมหวาน
มาถึงเมนูเครื่องดื่มของทางร้าน ต้องห้ามพลาดกับค็อกเทลที่น่าสนใจอย่าง Bee Knees (350 บาท) ส่วนผสมของจินที่นำมาผสานเข้ากับรสชาติเปรี้ยวของน้ำเลมอน ก่อนจะเพิ่มความหอมหวานด้วยน้ำผึ้งเข้าไป ทำให้ได้รสชาติดื่มง่าย เหมาะสำหรับจิบฟังเพลงในวันสบาย ๆ
ปิดท้ายกันที่ Blue Margarita (350 บาท) ค็อกเทลที่มีส่วนผสมของเตกิลาและ Blue Curacao นำมาผสานรสชาติเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาว พร้อมตกแต่งขอบแก้วด้วยเกลือ ที่ช่วยเพิ่ม Texture ของรสชาติให้ดื่มง่ายมากขึ้น