First Morimoto In Southeast Asia
แฟน ๆ รายการ Iron Chef USA คงจะคุ้นหูกับชื่อเชฟ Masaharu Morimoto เชฟชาวญี่ปุ่นที่มีฝีมือโดดเด่นในสไตล์อาหารญี่ปุ่นประยุกต์ หลังจากที่ได้เปิดสาขาไปทั่วอเมริกาและอีกหลายประเทศ ตอนนี้กรุงเทพฯ ก็ได้โอกาสต้อนรับสาขาใหม่ล่าสุดและยังเป็นสาขาแรกใน Southeast Asia อีกด้วย สาขานี้ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของตึกมหานคร คิวบ์ แลนด์มาร์คสุดหรูใจกลางกรุงเทพฯ
สำหรับ Morimoto Bangkok บริหารงานโดยคุณพีท -ประณิธาน พรประภา กรรมการบริษัท บิ๊กแบดวูลฟ์ จำกัด หนึ่งในผู้บริหารในกลุ่มบริษัท สยามกลการ และยังเป็นผู้ก่อตั้งงานเทศกาล Wonderfruit และโครงการ Asiola
Inspired By Nature
สำหรับการตกแต่งของทางร้านนั้นได้ MPD Studio มาเป็นผู้ดูแล โดยเลือกผสมผสานบรรยากาศแบบ Casual Dining เข้ากับความหรูหรา รวมถึงแฝงบรรยากาศความเป็นธรรมชาติเข้า โดยเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ พื้น ผนังรอบ ๆ เป็นไม้ทั้งหมด บริเวณแพดานก็เลือกใช้ไม้หลาย ๆ แผ่นวางเป็นแนวคลื่น ก็ให้ความรู้สึกเรียบหรูแต่ยังอบอุ่น และที่สำคัญมีพื้นที่ให้เลือกนั่งกว้างขวาง รวมทั้งบาร์ซูชิ และบาร์ค็อกเทล สำหรับใครที่มากันเป็นกลุ่ม แนะนำให้โทรจองห้องไพรเวทที่จุคนได้ประมาณ 12 ที่นั่ง หรือถ้าอยากชิลล์มากขึ้น แนะนำให้เลือกนั่งบริเวณระเบียงด้านนอก เพื่อรับลมเย็นสบาย ๆ และยังได้ชมวิวสวย ๆ ของกรุงเทพฯ อีกด้วย
Chef Morimoto's Cookbook
สำหรับฝีมือในการปรุงอาหารของเชฟโมริโมโตะ ถือว่าได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการทำซูชิและการชูรสชาติดั้งเดิมจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นสาขาที่ประเทศไหน รสชาติก็จะถูกปากคนในพื้นที่นั้นอย่างกลมกลืน และเชฟยังได้ออกหนังสือสอนทำอาหาร ใครที่อยากเป็นเจ้าของสามารถจับจองที่ร้านได้เลย
Great Combination
สำหรับสาขานี้ ได้เชฟ Arnaud Drouville เอ็กซ์คลูทีฟเชฟชาวอิตาลีมาเป็นเชฟประจำให้กับที่นี่ อาหารของที่นี่จะเป็่นอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารนานาชาติ ซึ่งเป็นเอกลักษณ๋์ของ Morimoto ที่นี่มีทั้งเมนูซิกเนเจอร์จานเด่นแบบเดียวกับสาขาอื่นทั่วโลก และยังมีเมนูพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่โดยผสมผสานวัตถุดิบที่เลือกใช้จากในประเทศไทยเข้ากับสไตล์อาหารของ Morimoto อีกด้วย
Morimoto Style's Appetizers
เริ่มต้นที่จานแรกกับเมนูเย็นเรียกน้ำย่อย White Fish Carpaccio (380 บาท) ปลากะพงสดแล่มาบาง ๆ ราดด้วยน้ำมันจากขิง ทานกับผัก Mitsuba กลิ่นคล้ายผักชี ช่วยให้รสชาติตัดกับเนื้อปลาและน้ำมันจากขิงอย่างเข้ากัน
ส่วนใครที่มองหาจานอิ่มท้อง ทางร้านแนะนำ Morimoto Pork Chop and Apple Sauce (990 บาท) หมูคูโรบูตะจาก Joe Sloane’s ย่างมากำลังสุกดี ทานกับกิมจิ เบคอน และซอสแอปเปิ้ล ช่วยให้ตัดรสเค็มจากเนื้อหมูได้ดี
Classic Japanese Dish
ทางร้านยังมีเมนูอาหารญี่ปุ่นคลาสสิคอย่าง Chirashi Sushi (880 บาท) เมนูอิ่มท้องที่ประกอบไปด้วยข้าวญี่ปุ่น ท็อปมาด้วยปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาไหล ไข่ปลาแซลมอน กุ้งหวาน แตงกวา เห็ดหอม ไข่หวาน หน่อไม้ฝรั่ง และสาหร่าย เป็นเมนูที่รวมทุกอย่างไว้ในถ้วยเดียวอย่างคุ้มค่า
นอกเหนือจากเมนูอาหาร a la carte แล้ว ทางร้่านยังมี Omakase Course ไว้คอยให้บริการ (ช่วงกลางวัน 5 คอร์ส ราคา 4,000 บาท ++ และช่วงดินเนอร์ 7 คอร์ส ราคา 7,000 บาท ++) ใครที่เป็นแฟนเชฟ Morimoto ลองติดตามที่ Facebook ของทางร้าน เพราะอาจจะได้ชิมเมนูจากฝีมือเชฟโดยตรง
Creative Cocktail Bar
นอกเหนือจากเมนูอาหารและซูชิบาร์แล้ว ที่นี่ยังให้ความสำคัญกับบาร์ค็อกเทลซึ่งได้คุณชินโกะ โกคัน มิกซ์โซโลจิสต์ชาวญี่ปุ่นชื่อดังมาร่วมคิดค้นโดยเน้นการเอาสาเกมาผสมผสานในทุก ๆ แก้ว โดยมีผักต่าง ๆ เป็นตัวชูรสชาติให้โดดเด่น
สาว ๆ ลองสั่ง Papurika (320++ บาท) แก้วนี้คล้ายกับ Margarita Cocktail แต่พิเศษตรงที่เติมกลิ่นของพริกเหลืองเข้าไป พร้อมกับรสเปรี้ยวด้วยน้ำเสาวรส
ส่วนหนุ่ม ๆ ทางร้านแนะนำค็อกเทลแก้วเข้ม ๆ อย่าง Kemuri (660++ บาท) โดยแก้วนี้จะมีความเป็น Manhattan Cocktail เพราะได้ผสมเหล้า Super Permium Single Malt Japanese Whisky หลายชนิด ก่อนจะรมควันแล้วเสิร์ฟเย็น ๆ นอกจากค็อกเทลหลากหลายเมนูแล้ว ทางร้านยังมีเหล้า สาเก ไวน์จากทั่วโลกที่คัดสรรมาแล้วว่าเข้าคู่กับอาหารของที่นี่ได้ดีไว้คอยให้บริการด้วย