Little Italy In Soi 49
หลังจากที่ฝากผลงานความอร่อยของอาหารอิตาเลียนที่ซอยร่วมฤดี Pizza Massilia ก็ได้เปิดสาขาใหญ่ในซอยสุขุมวิท 49 ท่ียังคงดำเนินตามรอยต้นตำรับอาหารอิตาเลียนที่สร้างสรรค์จากจากวัตถุดิบนำเข้าชั้นเลิศ
Italian With French Influence
Pizza Massilia เกิดจากความคิดของเชฟชาวอิตาเลียน Luca Appino ประจำร้าน La Bottega di Luca และ Fred Meyer นักธุรกิจชาวฝรั่งเศสผู้ริเริ่ม Issaya Siamese Club ได้นำเอาสูตรพิซซ่าสไตล์เนเปิลมาเผยแพร่
Baroque Chic Design
สาขานี้คงคอนเซ็ปต์การตกแต่งสไตล์ Baroque Chic โดดเด่นด้วยโคมไฟ สีสันจัดจ้านของลวดลายต่าง ๆ บนผนัง ที่ตัดกับสีเขียวจากต้นไม้โดยรอบได้ดี เพิ่มบรรยากาศครึกครื้นด้วยเพลย์ลิสต์ของ DJ Clement จาก Colette Paris
More Space Outside
มีโซนเอาท์ดอร์ขนาดใหญ่ข้างร้านที่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาได้ หรือหากมาเป็นกลุ่มใหญ่ก็มีห้องส่วนตัวไว้รับรอง นอกจากนี้ทางร้านยังเพิ่มมุมพิเศษส่วนตัวสำหรับ 4 ท่าน และมุมเงียบด้านนอกอีกฟากของร้าน
Art Of Living & Dining
ด้วยความที่ Pizza Massilia เป็นมากกว่าพิซเซอเรีย แต่คือศิลปะของการใช้ชีวิต ทำให้อาหารทุกจานได้รับการสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดวัตถุดิบไปจนถึงกระบวนการประกอบอาหารจากผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านโดยเฉพาะ เชฟ Luca และเชฟ Michele เชฟพิซซ่าประจำร้าน ได้ร่วมกันครีเอทเมนูอาหารอิตาเลียนที่มีกลิ่นอายฝรั่งเศสโดยใช้วัตถุดิบอาร์ติซานนำเข้า ตลอดจนแป้งออร์แกนิกจาก Mulino Marino ที่ทางร้านนำมาทำพิซซ่า ซึ่งใช้ระยะเวลาการหมักนานกว่า 72 ชั่วโมง และอบในเตาสั่งทำพิเศษส่งตรงจากอิตาลีของ Stefano Ferrara ที่ตั้งเด่นเป็นเอกลักษณ์อยู่หน้าร้าน
Before Pizza
รองท้องด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยก่อนทานพิซซ่ากับ Octopus Carpaccio (390 บาท) ปลาหมึกยักษ์ที่ผ่านการทำให้สุกอย่างช้า ๆ คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงรสชั้นเยี่ยม ท็อปด้วยสลัดเบบี้สปิแนชและร็อคเก็ต ราดน้ำส้มสายชูเลมอนและน้ำมันมะกอก เพิ่มรสเค็มด้วยเกลือมัลดอนจากอังกฤษ เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบจากอัลมอนด์ฝานบาง
Pizza Gourmet
ใครที่รอชิมพิซซ่า มาเริ่มจาก Burrata & Culatello Pizza (590 บาท) พิซซ่าสไตล์เนเปิลที่ใช้แป้งออร์แกนิกจากอิตาลี เชฟหมักแป้งนานถึง 72 ชั่วโมง และนำไปนวดสดใหม่ทุกถาด จากนั้นจะทาซอสมะเขือเทศบนแป้งพิซซ่าแล้วนำไปอบในเตาที่ความร้อน 375 องศา เป็นเวลา 90 วินาที จนแป้งบางแต่ยังคงความนุ่มBest Of Puglia & Zibello
ทันทีที่นำพิซซ่าออกจากเตา เชฟจะโรยหน้าพิซซ่าด้วยบูราต้าชีสจาก Puglia และคูลาเทลโล่แฮมจาก Zibello พาร์มาแฮมส่วนขาหลัง มีจุดเด่นคือความนุ่มและหวาน ผ่านการหมักไวน์แดง 24 ชั่วโมง จนได้สัมผัสนุ่มลิ้นยิ่งขึ้นและกลิ่นที่หอมกว่าเดิมจานถัดมา คือ Calzone (990 บาท) ที่ใช้แป้งชนิดเดียวกับพิซซ่าแต่มีความกรอบมากกว่า นำไปพับแล้วยัดไส้ด้านในด้วยมอสซาเรลล่าชีส สคามอร์ซ่าชีสรมควัน ไข่แดงออร์แกนิก และเห็ดทรัฟเฟิลดำ
ปิดท้ายด้วยของหวานที่เหมาะกับสภาพอากาศกรุงเทพฯ อย่าง Citron Givre (290 บาท) ซอร์เบทเลมอนกับส้มแมนดาริน ถั่วพิสตาชิโอ้ และน้ำมันมะกอก ในลูกเลมอนเคลือบน้ำตาล