The First Seafood Restaurant in Pattaya That Served in Thai Fine Dining Style
แน่นอนว่าหนึ่งสีสันของการมาเที่ยวพัทยา จังหวัดชลบุรี คือการทานอาหารซีฟู้ด BKK.ชวนคุณมาทำความรู้จักอีกหนึ่งร้านอาหารที่ต้องปักหมุดตามมาเช็กอินที่ Prod. (อ่านว่าโปรด-จุด) The First Seafood and Thai Fine Dining ในย่านพัทยาเหนือ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคำว่า Produce หรือที่เข้าใจง่าย ๆ คือกระบวนการผลิตอันพิถีพิถัน ที่ผสมผสานเทคนิคการทำอาหารจากหลากหลายสัญชาติ
ต้อนรับทุกคนที่เข้ามาในร้านด้วยบรรยากาศของ Glass House โอ่โถง ที่ตกแต่งด้วยโต๊ะที่นั่งและโซฟาหนานุ่ม ประดับประดาด้วยผ้าสีสันสดใส แซมด้วยต้นไม้สบายตาชวนให้รู้สึกร่มรื่นในเวลาเดียวกัน ไฮไลต์คือมุมโซฟาทรงโค้งที่ออกแบบมาให้สามารถนั่งโอบล้อมพูดคุยแบบเห็นหน้ากัน เหมาะกับครอบครัวและแก๊งเพื่อนที่อยากมาใช้ช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน และยังเป็น Photogenic Spot ที่ต้องถ่ายภาพไว้เช็กอินอัพลงโซเชียลแบบชิค ๆ
ทางร้านจะเเบ่งออกเป็น Dining Zone, Cafe Zone, VIP Zone และ Outdoor Zone ให้เลือกนั่ง ที่สำคัญทางร้านยังเป็น Pet Friendly ที่พร้อมต้อนรับน้องสุนัข และน้องแมวตัวโปรดของทุกคนให้เข้ามาใช้ช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันด้วย นอกจากนี้ยังห้ามพลาดกับกับช่วงเวลาสุดพิเศษ เอนจอยกับอาหารจานโปรดไปพร้อม ๆ กับ Live Band ได้ทุกวันศุกร์-เสาร์ เวลา 18.30-22.00 น. และวันอาทิตย์ 11.30-14.00 น.
Fin-to-Scale and Eco-Artisan Concept Cuisine
ทางร้านตั้งใจใช้วัตถุดิบท้องถิ่นจากพัทยา รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงมาสร้างสรรค์เมนูอาหารไทยที่หลากหลายรสชาติถูกปาก และเสิร์ฟในคอนเซ็ปต์ Fin-to-Scale คือการใช้ทุกส่วนของวัตถุดิบอย่างคุ้มค่าที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดอาหารเหลือทิ้ง และยังยกระดับอาหารไทยด้วยเทคนิคต่าง ๆ ก่อนตกแต่งออกมาเป็นจานโปรดที่สวยงาม และทำเอาหลายคนต้องหยิบมือถือขึ้นมาสแนปภาพก่อนทาน
สำหรับเมนูแรก ขอชวนเรียกน้ำย่อยด้วยเมนูโปรดของใครหลายคนอย่าง กระทงทอง ยำตะไคร้กุ้งสดใบชะพลู (350 บาท) ยำตะไคร้กุ้งสดใบชะพลูสูตรโบราณ ที่หอมคลุ้งด้วยสมุนไพรพื้นบ้าน วางซ่อนอยู่ในกระทงทองแป้งบาง ที่มีกิมมิกสนุก ๆ ตอนเสิร์ฟให้ทุกคนเคาะจนแตกออกมา และทานรวมกันในคำเดียวก็จะได้รสชาติกรอบเคี้ยวมันเข้ากับยำรสจัดจ้านพอดิบพอดี
ถัดมาเป็น ตำทะเลหมี่กรอบ (380 บาท) ส้มตำทะเลหน้าล้น จัดเต็มทั้งกุ้ง และปลาหมึก เสิร์ฟพร้อมหมี่กรอบทอด และถั่วที่ตำจนแตกมันรสชาติกลมกล่อมลงตัว
เสิร์ฟจานต่อไปไม่รีรอกับ หมูกรอบคุโรบูตะคั่วพริกแห้ง ดอกเกลือ ของโปรด. (350 บาท) หมูสามชั้นคุโรบูตะที่นำไปต้มและอบไล่น้ำมันจนแห้ง จากนั้นนำไปทอดจนกรอบทั่วทั้งชิ้น คั่วกับกระเทียม พริกสด พริกแห้ง และดอกเกลือจากสมุทรสงครามหอมยั่วน้ำลายทันทีที่วางเสิร์ฟ
ปลากะพงเว็ทเอจเกล็ดฟูทอดน้ำปลา (450 บาท) เมนูที่ทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี แต่นำมาสร้างสรรค์เสนอแบบใหม่ ๆ สไตล์ Prod. โดยเชฟได้แรงบันดาลใจในการทอดปลาจากญี่ปุ่น แต่เปลี่ยนมาใช้ปลากะพง โดยเริ่มจากการนำมา Wet Aged เป็นเวลา 3 วัน และ Blanch ด้วยน้ำมันร้อนจัดค่อย ๆ ราดลงบนเกล็ดปลาสองรอบ จนได้เกล็ดฟูกรอบแต่เนื้อปลานุ่มชุ่มฉ่ำอยู่ ทีเด็ดอยู่ที่ซอสน้ำปลาที่ราดลงในกระทะร้อน ๆ น้ำปลาจึงหอมเป็นพิเศษ ยิ่งทานคู่กับกะหล่ำปลี Puree ยิ่งเพิ่มความอร่อยแบบ x2 และแน่นอนตอบโจทย์ Fin-To-Scale ให้สามารถทานได้ทุกส่วน
เอาใจคนรักซีฟู้ดด้วยเมนูขึ้นชื่อของสุพรรณบุรีอย่าง กุ้งลายเสือทอดเกลือเมืองสุพรรณ ซอสมันกุ้ง (1,600 บาท) ที่ใช้กุ้งลายเสือตัวโตซึ่งเป็นกุ้งท้องถิ่นของนาเกลือ ทอดในกระทะจนสุกพอประมาณ และเพิ่มความอร่อยด้วยมันกุ้ง ก่อนปรุงรสด้วยดอกเกลือและเนยเพื่อเพิ่มความนัว พิเศษด้วยน้ำจิ้มซีฟู๊ดและซอสมันกุ้ง อร่อยได้หลากหลายรสชาติในคำเดียว
อาหารอร่อยโดยเฉพาะซีฟู้ดต้องทานคู่กับเครื่องดื่มดีต่อใจ จะช่วยเพิ่มรสชาติและมิติให้กับอาหาร ขอแนะนำ Sorn Goong (350 บาท) ค็อกเทลสุดเก๋ที่นำเอา Gin ไปอินฟิวส์กับเปลือกกุ้ง และผสมผสานรสชาติกับ Cordial จึงเป็นที่มาของซ่อนกุ้ง ที่นำเอาวัตถุดิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยเพิ่มความสดชื่นทันทีที่ได้ลองจิบ
และ Pataya Twilight (350 บาท) เช็กอินพัทยาไม่จิบเมนูนี้เหมือนมาไม่ถึง กับค็อกเทลซิกเนเจอร์ ที่นำ Turmeric Rum มาผสมผสานกับ Campari พิเศษด้วยรสชาติ Thai Tea Bitter ทำให้ได้รสชาติที่เข้มและกลิ่นแตะจมูกทันทีที่ได้สัมผัส เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูงที่มีกิมมิกคือออนเดอะร็อกด้วยดอกไม้ในน้ำแข็งก้อนกลมสวย
ปิดท้ายด้วยขนมหวานพื้นเมืองที่อยากให้ลองทาน สาคูแท้พัทลุง และใส่ไส้อบควันเทียน (150 บาท) สาคูแท้ที่หาทานยากจากจังหวัดพัทลุงนุ่มละลายในปาก ทานคู่กับใส่ไส้ที่หอมคลุ้งด้วยกลิ่นควันเทียน ทานคู่กับ ไอศกรีมกะทิน้ำตาลโตนดอบควันเทียน (150 บาท) ที่หวานมันกำลังดี ปิดท้ายมื้อนี้ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักพัทยามากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
