The Journey of Coffee
Project Bus Cafe Art คาเฟ่เล็ก ๆ ย่านงามวงศ์วาน ที่มองเผิน ๆ อาจคิดว่าเป็นคาเฟ่ธรรมดาที่มีรถบัสสีขาวเป็นสัญลักษณ์ แต่หากได้ลองไปสัมผัสบรรยากาศและดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟสไตล์ Slow Bar จะพบว่าคาเฟ่แห่งนี้มีเสน่ห์เหลือหลายให้เราอยากย้อนกลับไปลิ้มลองอีกครั้ง
หากจะกล่าวว่าคาเฟ่นี้เกิดขึ้นได้เพราะความบังเอิญก็คงไม่ผิดนัก เพราะนอกจากรถบัสสีขาวคันเล็กที่ออกเดินทางมามากมาย ก่อนจะนำมารีโนเวทเป็นคาเฟ่แห่งนี้แล้วนั้น บาริสต้าหนุ่มเจ้าของร้านยังมีนามว่า 'บัส' ซึ่งในอดีตคุณพ่อของเขาเคยทำธุรกิจรถบัสมาก่อนอีกด้วย
นอกจากนี้ อีกหนึ่งแรงบันดาลใจในการเปิดคาเฟ่ ยังเกิดจากโปรเจ็กต์ภาพถ่าย Indy BKK ที่คุณบัสเคยนั่งรถเมล์มินิบัสสาย 1 (ถนนตก-สนามหลวง) ออกเดินทางไปเก็บภาพถ่ายของกรุงเทพมหานครในแง่มุมต่าง ๆ มาเกือบสองปี และตัดสินใจเลือก 'รถบัส' เคลื่อนที่ไปด้วยความบังเอิญ ความรัก ความตั้งใจ และความหลงใหลใน Slow Bar พร้อม ๆ กัน
ทันทีที่เปิดประตูรถบัสเข้าไปยังด้านใน จะพบว่าบรรดาเก้าอี้ที่นั่งผู้โดยสารถูกแทนที่ด้วยเคาน์เตอร์บาร์และที่นั่งเล็ก ๆ บริเวณด้านข้าง อีกทั้งยังถูกจับจองพื้นที่ด้วยอุปกรณ์ Slow Bar มากมายที่คุณบัสได้สะสมมาตั้งแต่เมื่อครั้งเริ่มทำความรู้จักกับกาแฟ จนกระทั่งเปิดเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวต้นน้ำของเมล็ดกาแฟจากไร่ สู่วิธีการชงที่มีเสน่ห์แบบ Slow Bar พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และมอบรสชาติอันล้ำลึกของกาแฟให้ทุกคนได้ลิ้มลองผ่านการเดินทางของรถบัสคันนี้
ส่วนด้านนอกถูกจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเพิ่มเติม รายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวสบายตา พร้อมผลงานศิลปะของคุณบัสที่ถือโอกาสนี้นำมาจัดแสดงไว้บนผนังร้านให้ผู้ที่มาเยือนได้ชมกัน และในอนาคตทางร้านจะมีนิทรรศการศิลปะอื่น ๆ หมุนเวียนมาร่วมสร้างสีสันอีกแน่นอน
All Drinks by Slow bar
ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟไทย โดยลงพื้นที่ไปศึกษาถึงต้นทางของเมล็ดกาแฟที่ไร่ของเกษตรกรบ้านห้วยห้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน และนำเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟจากหลากหลายพื้นที่ในไทยและต่างประเทศ หมุนเวียนเข้ามาให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟในคาแร็กเตอร์ที่ต่างกันออกไป เช่น Ethiopia Yirgacheffe (120 บาท) ที่คุณบัสค่อย ๆ ใช้น้ำร้อนอุณหภูมิที่เหมาะสม บรรจงดริปให้น้ำไหลผ่านกระดาษกรองจนได้กลิ่นหอมหวานคล้ายส้ม ก่อนที่น้ำจากเมล็ดกาแฟจะค่อย ๆ หยดลงมาตามจังหวะการดริป ให้รสเปรี้ยวนิด ๆ ดื่มแล้วสดชื่น ถูกใจคอกาแฟแน่นอน
Ethiopia Sidamo (200 บาท) เมล็ดกาแฟจากเอธิโอเปีย ประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องกาแฟอีกแห่งหนึ่งของโลก โดยทางร้านได้นำเมล็ดกาแฟไปผ่านเทคนิคการชงสุดคลาสสิกด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Syphon กระบวนการส่งผ่านความร้อนที่ทำให้เกิดแรงดันน้ำไหลขึ้นลงสู่กระบอกแก้ว จนได้รสชาติของกาแฟที่มี Body ซับซ้อน พร้อมกลิ่นหอมของดอกไม้และผลไม้อย่างบลูเบอร์รีที่ค่อนข้างชัดเจน
ส่วนใครที่ไม่ถนัดดื่มกาแฟมากนัก อยากให้ลองสั่ง Mint Latte (75 บาท) ลาเต้รสนุ่มที่ใช้ Espresso Shot จากกระบวนการ Aeropress หนึ่งในวิธีการชงที่คุณบัสยังคงใช้วิธีการแบบ Slow Bar ทุกอย่าง ราดด้วยนมสดและไซรัปมิ้นต์ที่ให้กลิ่นหอมหวานเย็นชื่นใจ หรือหากใครที่ชอบเครื่องดื่มที่มีความเข้มข้น ขอแนะนำ Black Cocoa (70 บาท) โกโก้คั่วพิเศษที่ราดลงบนนมสดคุณภาพดี ให้รสเข้มข้น มาพร้อมเลเยอร์สีเข้มสวย ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีดำสนิททั้งแก้วสมชื่อ
