The Authentic Sushi Restaurant From Tsukiji Fish Market
เมื่อเอ่ยถึงอาหารญี่ปุ่น เป็นที่สังเกตว่าเหล่าบรรดาอาหารประเภทข้าวปั้น (ซูชิ) และอาหารประเภทปลาดิบ (ซาชิมิ) มักจะเป็นลิสต์รายการอาหารที่ครองใจคนรักอาหารญี่ปุ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะกระแสการทาน Omakase ที่ระยะหลังมานี้จะได้รับความนิยมในกรุงเทพฯ อยู่ไม่น้อย และสำหรับใครที่กำลังมองหาร้านอาหารประเภทนี้อยู่ Sandaime Bangkok ร้านโอมากาเสะซูชิที่ส่งตรงความสดใหม่จากตลาดปลาซึกิจิ เสิร์ฟความอร่อยตามต้นตำรับญี่ปุ่นแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งพิกัดที่ต้องห้ามพลาดกันเลยทีเดียว
The Third Generation
Sandaime Bangkok มีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า Tsukiji Aozora Sandaime Bangkok เป็นร้านอาหารที่มีต้นกำเนิดมาจากตลาดปลาซึกิจิ ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยครอบครัวนักค้าปลารุ่นที่ 3 ผู้มีแพชชั่นในการทำอาหาร จึงนำเอาลำดับรุ่นรวมกับธุรกิจของครอบครัวเปิดเป็นร้านแห่งนี้ขึ้นมา ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 6 สาขา และพร้อมเปิดให้บริการที่กรุงเทพฯ สาขาสุขุมวิท 24 บริเวณด้านล่างของโรงแรม Compass Skyview นั่นเอง
ทางร้านเน้นเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นในสไตล์ Edomae หรือสไตล์ Traditional ที่เสิร์ฟซูชิ ซาชิมิแบบต้นตำรับ แน่นอนว่ามีความแตกต่างทั้งในลักษณะการปั้น และรูปแบบการเสิร์ฟ ที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบชั้นดีโดย Executive Chef-Michi Nakanishi เชฟชาวญี่ปุ่นผู้มากประสบการณ์ในการทำซูชิมากกว่า 35 ปี พิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้รสชาติที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงการการันตีในเรื่องความสดใหม่ของของวัตถุดิบทุกชนิด โดยเนื้อปลาที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่นตามฤดูกาล เพราะฉะนั้นคอร์สโอมากาเสะของทางร้านจึงค่อนข้างมีความหลากหลายด้วยชนิดของเนื้อปลาที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ
Sushi Bar & Private Rooms
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งในสไตล์ Contemporary ร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณโซนซูชิบาร์ที่เลือกใช้แสงธรรมชาติให้ลอดผ่านไม้ระแนงเกิดเป็นเงาสวยตามช่วงเวลา สบายตาระหว่างทานมื้อแสนอร่อย ผู้ที่มาทานสามารถพูดคุยกับเชฟและสังเกตขั้นตอนการทำอาหารกันแบบสด ๆ
ส่วนบริเวณด้านในออกแบบให้เป็นโซนไพรเวทสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว นั่งทานกันได้หลาย ๆ คน ทุกห้องมิกซ์แอนด์แมทช์ด้วยงานที่ทำจากหินและเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มตามดีไซน์แบบของเซน
Omakase Course
ความพิถีพิถันในการรังสรรค์แต่ละเมนูส่วนใหญ่ถูกนำเสิร์ฟในรูปแบบของคอร์สโอมากาเสะและ A-La-Carte เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมาทานคนเดียว เป็นคู่ หรือมากันเป็นกลุ่มที่นี่ก็พร้อมรองรับ ส่วนตัวเมนูนั้นจะถูกเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ปัจจุบันมีให้เลือกทาน 3 คอร์สหลัก ๆ ซึ่งช่วงกลางวันจะเริ่มต้นที่ราคา 1,800 บาท และ 2,600 บาทเท่านั้น ช่วงเย็นจะเริ่มต้นที่ราคา 3,300 บาท โดยราคาทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของปลาและจำนวนอาหารว่างภายในเซ็ต สำหรับคอร์สโอมากาเสะที่ทางร้านแนะนำคือ Sandaime Omakase (4,200 บาท) ภายในเซ็ตจะประกอบไปด้วย จานเรียกน้ำย่อยอย่าง Nakaochi Roll Set ส่วนเนื้อที่ติดกระดูกของปลาทูน่าที่มีความมันและนุ่มเป็นพิเศษ เสิร์ฟมาคู่กับหอมญี่ปุ่นซอยและหัวไชเท้าดอง วิธีทานคือจะนำไปห่อกับสาหร่ายย่างกรอบ มิกซ์ส่วนผสมได้ตามชอบ ตัดรสชาติกันได้เป็นอย่างดี
ตามมาด้วย Sashimi ที่เสิร์ฟด้วยปลาเนื้อขาวดิบ 2 ชนิดตามฤดูกาล ในที่นี้คือปลา Hirame (ปลาตาเดียว) และปลา Hata (ตระกูลปลาเก๋าญี่ปุ่น) เสิร์ฟมาพร้อมหินเกลือหิมาลัยและมะนาว วิธีทานคือให้บีบมะนาวลงบนหินเกลือ แล้วนำปลาไปวางบนหินเบา ๆ เพื่อให้น้ำมะนาวและความเค็มของเกลือช่วยดึงเอาความหวานของเนื้อปลาออกมาอย่างเต็มที่
ถัดจากซาชิมิปลาเนื้อขาวคือ Botan-Ebi & Sea Shell Sashimi กุ้งโบตั๋น (กุ้งทะเลน้ำลึกที่มีขนาดใหญ่และให้เนื้อนุ่มรสหวานเป็นพิเศษ) กับซาชิมิหอยเชลล์ ซึ่งประเภทของหอยที่นำมาทำซาชิมิจะเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงฤดูกาลอีกเช่นกัน
หลังจากลิ้มรสความสดหวานของซาชิมิกันไปแล้ว ก็มีปลาย่างร้อน ๆ มาเสิร์ฟต่อ ตามด้วยไข่ตุ๋นเนื้อเนียน รสชาติกลมกล่อม ไข่ตุ๋นของที่นี่มีไข่ปลาแซลมอนโรยด้านบน เพื่อเพิ่มเข้มข้นให้ไข่ตุ๋นไปในตัว
ก่อนจะมาเติมความอิ่มอร่อยกันอย่างต่อเนื่องกับ Nigiri Sushi ซูชิหรือข้าวปั้นหน้าวัตถุดิบต่าง ๆ 8 คำ อาทิ ปลา Hirame (ปลาตาเดียว), Ika (ปลาหมึกหอม), Kinmedai (ปลากะพงแดงตาเดียว) หนึ่งใน 8 คำนี้จะรวมซูชิที่เป็นไฮไลท์เอาไว้คือ Grilled Wagyu Sushi ซูชิเนื้อวากิวย่าง (เกรด A4 ที่แทรกมันแบบกำลังดี) แต่หากถ้าไม่ทานเนื้อทางร้านจะเปลี่ยนเป็น Grilled Otoro Sushi หรือปลาทูน่าให้แทน ได้รสสัมผัสนุ่ม หอมมันไม่แพ้กัน
ต่อจากเซ็ตซูชิก็จะเป็น Anago Aburi ปลาไหลทะเลญี่ปุ่นย่างซอสสูตรพิเศษ โดดเด่นด้วยความหอมจากการย่าง รสสัมผัสนุ่ม ๆ และรสชาติเข้มข้นของตัวซอส แล้วเพิ่มระดับความเข้มข้นของรสชาติอย่างต่อเนื่องด้วย Uni Ikura with Dashi Sauce ข้าวหน้าไข่หอยเม่นและไข่ปลาแซลมอนในน้ำซุปดาชิรสกลมกล่อมที่ผสานรสชาติหวานในของไข่หอยเม่นกับความเข้มข้นของไข่ปลาแซลมอนได้อย่างลงตัว
ก่อนจะปิดท้ายด้วย Negitoro Roll ซูชิโรลปลาทูน่าสับผสมกับหอมญี่ปุ่นซอย ที่เสิร์ฟมาเป็นคำสุดท้าย พร้อมกับ Miso Soup ซุปมิโสะอุ่น ๆ ไว้ให้ได้ซดคล่องคอ นอกจากนี้ยังมีเมนูของหวานอย่าง Yuzu Sherbet Ice Cream ไอศกรีมรสส้มยูสุแท้ ๆ ที่ช่วยให้ความสดชื่นและเคลียร์รสชาติที่ติดอยู่ในปากทั้งหมดอีกด้วย
Another Dish
ระหว่างที่ทานเซ็ตโอมากาเสะนี้ สำหรับใครที่มาทานกันหลายคน หากยังไม่อิ่ม แนะนำให้ลองสั่ง Edomabushi Saikyo (1,280 บาท) เมนู Don ที่รวมความพรีเมียมของวัตถุดิบไว้ทั้งหมดอย่างครบครัน ทั้งกุ้งโบตั๋น โอโทโร่ (ทูน่า) อูนิ (ไข่หอยเม่น) ปลาคินเมะไดย่าง และอากามิหมักโชยุ
