Modern-Thai Fine Dining
ชวนคุณมาดื่มด่ำอาหารไทยสไตล์ไฟน์ไดน์นิ่งกันที่ Sra Bua by Kiin Kiin ห้องอาหารไทยระดับตำนานที่อยู่คู่กับ Siam Kempinski Hotel Bangkok มาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังการันตีคุณภาพด้วยรางวัลมากมาย อาทิ Michelin Star 1 ดาวหลายปีซ้อน อันดับ 1 ใน Asia’s 50 Best Restaurant ปี 2014 พร้อมนำเสนอหลากหลายเมนูอาหารไทยที่ผสมผสานเทคนิคและกรรมวิธีการทำจากทั่วโลกมาใช้กับวัตถุดิบไทยให้กลายเป็นพระเอกบนจาน
Elements of Thai Decoration
สำหรับห้องอาหารแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ชั้นล็อบบี้ของโรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok ซึ่งเมื่อก้าวพ้นประตูไม้ขนาดใหญ่เข้ามาจะพบกับบรรยากาศสไตล์ Modern Luxury ที่สอดแทรกความเป็น ‘ไทย’ เอาไว้ในทุก ๆ อณู ตั้งแต่ลวดลายไม้ฉลุและผ้าทอ รวมถึงสระบัวขนาดใหญ่ที่ตั้งเป็นสัญลักษณ์อยู่กลางร้าน ชวนให้คุณเพลิดเพลินและผ่อนคลายไปกับบรรยากาศและมื้ออาหารตลอดค่ำคืน
The New Concept "Legends of the Lotus"
เริ่มต้นกันที่ Welcome Drink ที่มาพร้อมกับ Appetizer 7 เมนูในคอนเซ็ปต์ ‘Street Food’ ที่นำหลากหลายเมนูสตรีทฟู้ดที่คนไทยคุ้นเคยมาครีเอตเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย อาทิ Surprise Box เมนูในกล่องที่เซอร์ไพร์สเราด้วยขนม 'เมอแรงก์วาซาบิโยเกิร์ต' เมอแรงก์รสซีอิ๊วญี่ปุ่นท็อปด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เสิร์ฟพร้อมโยเกิร์ตวาซาบิสดจากต้นวาซาบิที่ปลูกเองในจังหวัดระยอง ประเทศไทย (ดำเนินการโดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เมนูถัดมาเป็น ‘มัสมั่นปุรี’ ปุรี หรือแป้งทอดกลมพองร้อน ๆ สอดไส้มัสมั่นโฟม เสิร์ฟมาพร้อมกับซัทนีย์มะม่วงผสมหญ้าฝรั่น
จานถัดมาให้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นอย่าง ‘หอยแมลงภู่เทมปุระ’ ที่นำหอยแมลงภู่จากทะเลใต้ของไทยไปทอดกรอบสไตล์เทมปุระ เสิร์ฟมากับมิโสะบัตเตอร์โฟม จะทานแยกกันหรือนำเทมปุระไปดิปกับมิโสะก็ได้รสชาติที่แตกต่างเพิ่มมิติให้จานอาหารได้เป็นอย่างดี ส่วนใครอยากเคี้ยวสนุก ๆ มาต่อกันที่ ‘น้ำพริกหนุ่มแคปหมู’ โดยเชฟจะเสิร์ฟหนังหมูกรอบด้านในสอดไส้น้ำพริกหนุ่มและมะเขือ และยังมี ‘กะเพราหอยเชลล์’ เมนูกะเพราแซ่บซี้ดสไตล์ไทยเสิร์ฟแบบเลเยอร์ไล่ตามรสชาติ โดยชั้นแรกจะเป็นไข่แดงต่อด้วยกะเพราหอยเชลล์ ท็อปด้านบนด้วย Hollandaise Spicy Sauce ก่อนจะโรยข้าวอบกรอบให้เคี้ยวสนุกๆ ตามด้านบน
อีกทั้งยังมีเมนูไทยๆ อย่าง ‘เมี่ยงคำ’ เมนูสไตล์ภาคเหนือของไทยที่เพิ่มความสดชื่นด้วยสับปะรดและเสาวรสเคล้าไปกับเครื่องเมี่ยงคำ ปิดท้ายด้วย ‘ยำรากบัว’ ที่ท็อปด้านบนด้วยส้มคองคอต เสิร์ฟในชามดอกบัวที่ล้อไปกับชื่อร้าน เป็นการส่งท้ายอาหารเรียกน้ำย่อยก่อนเข้าคอร์สได้เป็นอย่างดี
เมนูแรกของคอร์ส เริ่มต้นด้วย "ต้มยำกุ้งสามสหาย" ที่เชฟใช้เครื่องชงกาแฟไซฟอน มาครีเอตการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ โดยด้านล่างของเครื่องจะเป็นซุปต้มยำ ส่วนด้านบนเป็นเครื่องต้มยำ นำเสนอในเทคนิค Infused เพื่อให้ได้กลิ่นอโรม่าของเครื่องต้มยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งใช้เวลาราว 5-7 นาที เสิร์ฟมาพร้อมกันกับเต้าหู้สดในไซริงค์ ซึ่งในการรับประทาน แนะนำให้เทน้ำซุปต้มยำลงไปในแก้ว และฉีดเต้าหู้สดตาม จะได้เต้าหู้เป็นเส้นน่ารับประทาน
เพิ่มอรรถรสในการรับประทานไปกับสามสหายแสนอร่อยที่เสิร์ฟมาเคียงกันอย่าง Prawn Wafer ข้าวเกรียบกุ้ง 100% ท็อปด้วย Lobster Bisque Mayonnaise, Sticky Rice Ball ข้าวเหนียวสอดไส้ Lobster Bisque เสิร์ฟมาในขนาดลูกกำลังพอดีคำ สุดท้ายคือ Clam Souffle ที่ประกอบไปด้วยวัตถุดิบชั้นดีอย่างเนื้อกุ้งและหอยด้านใน
เมนูถัดไปเป็น "พล่าปลาเนื้อขาว" เมนูสไตล์ Catch of The Day ที่เชฟจะออกไปเลือกปลาด้วยตัวเองทุกวัน ซึ่งสำหรับเมนูนี้ ด้านล่างจะเป็นสับปะรดภูแลจากจังหวัดภูเก็ต ท็อปด้วยกรานิต้าสับปะรด จากนั้นนำเนื้อปลาไวท์ฟิชสไลซ์ไปมาริเนตกับซอสที่มีส่วนผสมของใบมะกรูด ตะไคร้ หอมแดง พริก น้ำปลา มะนาวสด น้ำผึ้งและน้ำสับปะรด เคล้าทิ้งไว้ราว 5 - 7 นาที จะช่วยให้เนื้อปลาสุกขึ้น เป็นจานที่ทั้งสดชื่น และครบรสชาติ
ต่อกันที่ "ผัดไทยเส้นแครอท" จากผัดไทยที่เราคุ้นเคย ถูกเปลี่ยนโฉมให้การลิ้มรสอาหารสนุกยิ่งขึ้น โดยเชฟรังสรรค์เส้นผัดไทยโฮมเมดนี้ขึ้นจากวัตถุดิบแครอทไทย เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสผัดไทยที่มีส่วนผสมของมะขาม ถั่วลิสงและเครื่องปรุงอื่น ๆ อีกทั้งยังมีกุ้งแม่น้ำย่างท็อปด้วย Crispy Baby Prawns เพิ่มเท็กซ์เจอร์
นอกจากนี้ยังมี "แกงเหลืองเนื้อปู" แกงเหลืองรสแซ่บจากสูตรของทางใต้ที่ให้ความเผ็ด กลมกล่อม เสิร์ฟมาพร้อมเนื้อปูเต็มคำ รากบัวและผักดอง โรยด้วยผงกะหรี่ผสานแกงเหลืองช่วยเพิ่มอโรม่า
ส่วนใครเป็นสายเนื้อพลาดไม่ได้กับ เนื้อตุ๋นซอสกะทิเคี่ยวพริกแกง ที่เชฟเลือกใช้เนื้อวากิวออสเตรเลียส่วนใบพายนำไปทำการ Slow Cooked ในอุณหภูมิราว 56 องศาเพื่อให้เนื้อมีความนุ่มฉ่ำ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสเคี่ยวพริกแกง ท็อปด้วยหน่อไม้น้ำและผักโอซุ่น จากนั้นปิดด้วยแผ่นมันฝรั่งและหัวหอม โดยจะเบิร์นแผ่นมันฝรั่งหัวหอมด้านบนจนกรอบ สามารถใช้ช้อนทุบเพิ่มอรรถรสในการทาน และยังเสิร์ฟมาพร้อมข้าวอบเนื้อให้รับประทานเคียงกันอย่างลงตัว
ปิดท้ายกันด้วยหลากหลายเมนูของหวานแบบจัดเต็มอย่าง "เค้กกล้วยหอมและไอศกรีมกะทิ" เมนูขนมหวานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากความนิยมของคนไทยในสมัยก่อน โดยจะเสิร์ฟเค้กกล้วยหอมสอดไส้คาราเมลห่อด้วยใบตอง จากนั้นนำไปอบจนได้กลิ่นหอมของใบตอง เสิร์ฟเคียงมากับไอศกรีม Salted น้ำตาลมะพร้าว ท็อปด้วยกรานิต้ากะทิคั้นสด หอมกลมกล่อมกำลังพอดี
และพลาดไม่ได้กับความสนุกปิดท้ายมื้อที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sra Bua by Kiin Kiin กับ "Petit Four" ขนมหวาน 7 ชนิดที่มาในรูปแบบ Hint ให้เหล่านักชิมได้ลองค้นหากัน เริ่มต้นที่ Sra Bua Express ที่เสิร์ฟมาชเมลโล่รสมะพร้าวซ่อนมาในลังโฟม ถัดมาเป็น Cinnamon Stick ที่ทำจากดาร์กช็อกโกแลตรสเข้มข้น กลมกลืนไปกับแท่งชินนาม่อนจนแทบจะแยกไม่ออกเลยทีเดียว ต่อกันด้วย Star Anise หรือดาร์กช็อกโกแลตที่เนียนไปกับโป๊ยกั๊ก จากนั้นไปวัดใจกับการตามหา Stone และ Chilli ที่ทานได้จริง หรือจะลอง Pearls สอดไส้กาแฟและไวท์ช็อกโกแลตก็เนียนไม่แพ้กัน ปิดท้ายด้วย Jelly Blocks เจลลีบล็อกที่มาในรสข้าวเหนียวมะม่วง กลายเป็นกิมมิกน่ารักๆ และเป็นหนึ่งในกิจกรรมปิดท้ายมื้อที่ทั้งสนุกและยังอร่อยอีกด้วย
Must Read!
- สามารถสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ทาง dining.siambangkok@kempinski.com