Sushi Kappou Kitaohji

Introducing "Kappou" Style Restaurant

หลังจากที่กระแส Omakase ได้รับความนิยมในกรุงเทพฯ มาสักพักใหญ่ ก็ถึงเวลาต้อนรับ Kappou รูปแบบร้านอาหารที่ผสมผสาน Omakase หรือรูปแบบการเสิร์ฟที่ให้เชฟได้ครีเอทเมนูใหม่ ๆ ตามวัตถุดิบที่มีในขณะนั้นกับรูปแบบอาหารแบบ Fine Dining ซึ่งที่ Sushi Kappou Kitaohji แห่งนี้ ได้นำเสนอเมนูอาหารที่ไม่จำกัดเฉพาะแค่ซูชิ แต่ยังรวมถึงเมนูนึ่ง ย่าง หรือชาบู เข้าไปผสมในเมนูด้วยเพื่อความหลากหลาย เหมาะสำหรับใครที่อยากอาหารญี่ปุ่นแบบพรีเมียมจากเชฟมีฝีมือที่ไม่ต้องการจำกัดตัวเองด้วยซูชิเพียงประเภทเดียว 

สำหรับร้าน Kitaohji ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ก่อตั้งมามากกว่า 70 ปีแล้ว และยังได้แตกขยายธุรกิจไปในรูปแบบต่าง ๆ โดย Sushi Kappou Kitaohji ได้ยึดรูปแบบและเมนูต่าง ๆ มาจากสาขาหลักที่ญี่ปุ่น เพื่อนำเสนอรสชาติดั้งเดิมและคงคุณภาพอาหารและการบริการเอาไว้ตามแบบฉบับจากญี่ปุ่น

Open Kitchen & Private Rooms

ตัวร้านถูกออกแบบให้ได้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ไม้สีเข้ม ตลอดจนของประดับตกแต่งต่าง ๆ ที่นี่มีที่นั่งให้เลือกทั้งบริเวณหน้าบาร์ที่สามารถพูดคุยกับเชฟและสังเกตขั้นตอนการทำอาหารได้แบบสด ๆ หรือจะเป็นโซนโต๊ะที่สามารถนั่งกันได้หลายคน นอกจากนี้ยังมีห้องพิเศษที่สามารถเป็นที่รับรองลูกค้า หรือจัดเป็นไพรเวทปาร์ตี้ได้ด้วย 

Seasonal Course

เมนูของที่นี่จะถูกเปลี่ยนไปตามฤดูกาล โดยมีราคา (4,500 บาท ++ สำหรับ 10 คอร์ส) วัตถุดิบส่วนใหญ่นำเข้าจากญี่ปุ่นและต่างประเทศ ทุกเมนูผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันจากเชฟชาวญี่ปุ่นเพื่อให้ได้รสชาติสไตล์ต้นตำรับ ก่อนจะเริ่มคอร์ส ทางร้านจะเสิร์ฟน้ำซุปร้อน ๆ จากปลาแห้งมากูโร่ เพื่อเป็นการอุ่นท้อง

เริ่มคอร์สแรกด้วยจานเรียกน้ำย่อย ตับปลา Ankimo นึ่ง หรือตับปลา Monk Fish ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นฟัวกราส์แห่งท้องทะเล เนื้อตับเนียนนุ่ม ได้ความมันตัดกับซอสพอนสึรสเปรี้ยวที่ราดมา  ต่อด้วยจานที่สอง Abalone soft simmered dishes หอยเป่าฮื้อนึ่ง อีกหนึ่งเมนูสุดหรูที่ได้นำวัตถุดิบชั้นดีจากท้องทะเลอย่าง หอยเป่าฮื้อ มานึ่งจนได้เนื้อที่นุ่มไม่เหนียว ราดด้วยซอส Kimo

สำหรับจานที่ 3 ทางร้านจะเสิร์ฟ Today’s Recommended Sashimi & Maguro (Sashimi) จานรวมซาซิมิและซูชิพรีเมียม มีทั้งเนื้อปลาคินเมะได (Kinmedai) ปลากะพงแดงตาโตน้ำลึก เนื้อปลานุ่มและมีความมัน , เนื้อปลามะได (Madai) ปลากะพงแดงน้ำลึก, หอยอาคาไก (Akagai) หอยแครงญี่ปุ่น และซูชิอาคามิ (Agami) หรือเนื้อปลาสีแดงไร้ไขมันของปลามากูโร่ จานนี้ได้รับความสดของปลาดิบไปเต็ม ๆ

มาถึงคอร์สที่ 4 กับ Hokkaido buri &  Kyoto Shougoin kabu shabu ชาบูเนื้อปลาบุริจากฮอกไกโดในน้ำซุปรสกลมกล่อมเสิร์ฟพร้อมผักคาบุจากเกียวโต ก่อนเสิร์ฟเชฟจะนำเนื้อปลาบุริและคาบุไปจุ่มในน้ำซุปร้อน ๆ จนเนื้อปลาและคาบุสุก จากนั้นก็นำมาม้วนกับต้นหอมญี่ปุ่น ก่อนทานอย่าลืมจิ้มกับซอสพอนสึ รสเปรี้ยวของซอสเข้ากันได้ดีกับเนื้อปลาที่มีรสละมุน 

ต่อด้วย Nagasaki Anago ซูชิหน้าปลาไหลญี่ปุ่น เนื้อปลาไหลญี่ปุ่นนุ่มเบาและมีความมัน ส่วนหนังถูกกริลล์มานิด ๆ เพิ่มรสสัมผัส ปิดท้ายด้วยผิวส้มยูสึ ได้กลิ่นหอมชัดเจน และ Tsukiji Yoshitomi Otoro ซูชิหน้าโอโทโร่ชั้นเยี่ยมจากร้านโยชิโทมิ ร้านขายปลาชื่อดังและเก่าแก่ที่ตลาดปลาซึกิจิ ประเทศญี่ปุ่น เนื้อปลามีลวดลายสวยงามและสดใหม่น่าประทับใจ

คอร์สที่ 6 Sababoshi Maki ซูชิสไตล์โอซาก้า เนื้อปลาซาบะดองสอดไส้ข้าวซูชิ  ต่อด้วย Karuma Ebi Sushi ซูชิหน้ากุ้งลายเสือตัวโต เนื้อกุ้งมีรสหวานเบา ๆ  เข้ากับข้าวซูชิได้ดี ส่วนใครที่ชอบไข่หอยเม่น ต้องไม่พลาดคอร์สนี้กับ Uni ไข่หอยเม่นเนื้อนุ่ม ได้รสเบา ๆ จากท้องทะเล 

มาถึง Ikura don ข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอนสีส้มแวววาว เมื่อตักเข้าปากจะได้รสชาติความสดของท้องทะเลเต็ม ๆ คำ ปิดท้ายอาหารคาวด้วย Toro Temaki ซูชิโรล Negi Maguro รสกลมกล่อม

คอร์สสุดท้าย Fukuoka Sake Brewery’s pudding หรือพุดดิ้งสาเกญี่ปุ่นจากฟุกุโอกะ เสิร์ฟพร้อมผลไม้ตามฤดูกาล เนื้อพุดดิ้งไม่หนักมาก ได้ทั้งรสและกลิ่นหอมชัดเจนของสาเกญี่ปุ่น เป็นคอร์สปิดท้ายมื้อนี้ได้อย่างน่าประทับใจ