BKK. ขอนำเสนอ 5 คาเฟ่เปิดใหม่เดือนกุมภาพันธ์ คาเฟ่สุดเก๋และคูลที่เหมาะสำหรับการจูงมือคนรักหรือผองเพื่อนไปนั่งจิบเครื่องดื่ม พร้อมทานขนมหรือทานอาหารกันแบบชิลล์ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ ที่แตกต่างกันออกไปให้ได้เลือก Hopping กันตามใจชอบ ส่วน 5 คาเฟ่เปิดใหม่จะเป็นที่ไหนบ้างนั้น ตามไปชมแล้วเตรียมปักหมุดไปพร้อม ๆ กันเลย
ประเดิมกันที่ Chez Mou คาเฟ่ขนาดกะทัดรัด 1 คูหา ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเจริญกรุง 44 ท่ามกลางบรรยากาศสุดคูลของตึกรามบ้านช่องและวิถีชีวิตเก่า ๆ ที่ยังคงความคลาสสิกเอาไว้ให้หลายคนได้แวะเวียนเข้าไปสัมผัส
ภายในร้านจัดสรรพื้นที่ออกมาได้อย่างเป็นสัดส่วน พร้อมตกแต่งออกมาได้อย่างน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งอาคารหลังนี้ คุณหมู เจ้าของร้าน เกิดไอเดียอยากเปลี่ยนให้ที่นี่กลายเป็นที่พักอาศัย ด้านบนของอาคารจึงมีห้องพักไว้รองรับนักท่องเที่ยว 2 ห้องด้วยกัน ส่วนด้านล่างเปลี่ยนให้เป็นคาเฟ่สุดน่ารักที่ชื่อ 'Chez Mou' ที่แปลว่า บ้านของหมู นั่นเอง
สำหรับโซนของอาหารและบาร์ ทุกเมนูของทางร้านเน้นเสิร์ฟเป็นสไตล์โฮมเมดแบบฝรั่งเศส ที่ปรุงออกมาให้ได้รสชาติของฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม ด้วยฝีมือของคุณหมูเองทั้งหมด แนะนำให้ลองเมนู Signature ของทางร้านอย่าง Quiche Lorraine (220 บาท) เมนูอบโฮมเมด สไตล์ฝรั่งเศสแท้ ๆ ที่มีลักษณะคล้ายพายแต่เป้นอาหารคาว เสิร์ฟมาพร้อมกับผัดสลัดสด ถือเป็นจานที่ไม่ควรพลาด
ในส่วนของเมนูเครื่องดื่ม สำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟเป็นทุนเดิม ลองสั่ง Single Origin with Milk (100 บาท) เมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากจังหวัดเชียงใหม่ นำมาผสมผสานรสชาติเข้ากันกับนมสด ให้รสสัมผัสที่นุ่มนวล หอมกรุ่นกลิ่นกาแฟ
Chez Mou
เจริญกรุง 44
เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00 - 19.00 น.
โทร. 081-645-0228
www.facebook.com/charoenkrung44
โครงการ Project : Box เป็นคอมมูนิตี้ขนาดย่อมในย่านงามวงค์วาน ที่นำเอายิมมวยสุดคูล ร้านอาหารและคาเฟ่กึ่ง Co-Working Space น้องใหม่สไตล์มินิมอลมารวมกันไว้ที่นี่ โดยนอกจากจะเป็นคาเฟ่เก๋ ๆ แล้ว ทางร้านยังสร้างขึ้นเพื่อรองรับการเรียนการสอนของคุณครูและนักเรียนในชั่วโมงเรียนพิเศษอีกด้วย อีกทั้งยังมีมุมสงบให้นั่งทำงานกันแบบชิลล์ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสุดส่วนตัว ไม่ว่าจะนั่งทำงาน ทานอาหาร ทานขนม หรือจิบเครื่องดื่มเพลิน ๆ ก็สามารถนั่งชิลล์เอาต์ที่นี้ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ
ภายในร้านเน้นการตกแต่งด้วยโทนสีขาวเป็นหลัก เติมความอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน และของตกแต่งกระจุกกระจิกที่จะช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับร้าน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา มีความ Cozy เป็นที่สุด ส่วนรอบ ๆ ร้านมีกระจกใสบานใหญ่ที่ปิดด้วยม่านสีขาวในยามกลางวัน ทำให้ตัวร้านได้รับแสงธรรมชาติ ลอดผ่านตามช่องของผ้าม่าน ดูสวยงามและน่านั่งมากเลยทีเดียว
สำหรับเมนูต่าง ๆ ของทางร้าน ทั้งเครื่องดื่ม อาหารคาว และของหวาน ล้วนทำออกมาในสไตล์โฮมเมดทั้งสิ้น สำหรับใครที่ชอบดื่มโกโก้ ทางร้านแนะนำให้ลอง Iced Chocolate (75 บาท) เมนูที่ชงด้วยผงโกโก้แท้ไม่ใช้ซอสช็อกโกแลต ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น อีกทั้งลูกค้ายังสามารถรีเควสความหวานได้ตามที่ต้องการอีกด้วย
แล้วอย่าลืมสั่งเมนูหนัก ๆ มาทานให้อิ่มท้องกันอีกสักหน่อย แนะนำเป็น ข้าวแกงกะหรี่ทงคัตสึ (140 บาท) ข้าวแกงกะหรี่รสเข้มข้น ที่ทางร้านเคี่ยวทิ้งไว้แบบข้ามคืน เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ และทงคัตสึกรอบนอกนุ่มใน ที่สามารถเลือกท็อปปิ้งได้หลากหลายแบบเลยทีเดียว นับเป็นเมนูอิ่มท้องที่ครีเอทความอร่อยจากร้านอาหาร The Canteen ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนมีนาคมนี้ โดยสามารถสั่งมานั่งทานในโซนของคาเฟ่นี้ได้เช่นกัน
Project : Box
งามวงค์วาน 18
เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 21.00 น.
โทร. 092-152-4511
www.facebook.com/projectboxofficial
ชวนคุณมาสัมผัสรสชาติอาหาร และ Specialty Coffee หอมกรุ่นจากบ้านร่วมสมัยหลังเก่ากว่า 80 ปีแห่งนี้ ที่เป็นที่ตั้งของร้านเปิดใหม่สด ๆ ร้อน ๆ อย่าง AKART Day ใกล้กันกับร้าน AKART Bistro & Bar ที่หลายคนต้องคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดีในโครงการ Yarden ซอยเย็นอากาศ
บ้านหลังเก่าที่ตกทอดความสวยงามของสถาปัตยกรรมสไตล์วิคตอเรียน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 มานานกว่า 80 ปี เดิมเป็นที่พำนักของ หม่อมเจ้าหญิง โอภาสจรัสพักตร์พิมล นันทวัน (พระราชภาคิไนยสายพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ก่อนถูกรีโนเวทใหม่เป็นคาเฟ่ที่เน้นเสิร์ฟอาหารเช้าหอมกรุ่น และหลากหลายเมนู Specialty ที่คอกาแฟพลาดไม่ได้ที่จะก้าวเข้ามาลิ้มลอง และทำความรู้จักกับ Slowbar ที่ได้ Roaster มากฝีมืออย่าง Tobo Coffee Roaster มาช่วยครีเอทเมนู
ความพิถีพิถันและโฮมเมดในการปรุงอาหารยังถูกส่งต่อจากร้านดั้งเดิม AKART Bistro & Bar มายังที่นี่ให้เลือกกันหลากหลายในสไตล์อาหารเช้า Brunch และ Pastry เบเกอรี่สไตล์โฮมเมดที่อบกันเองทุกเช้า สำหรับเมนูขนมของทางร้านแนะนำให้ลอง Carrot Cake (140 บาท) จิบกาแฟทานคู่กับเบเกอรี่โฮมเมดที่ อบ สดใหม่ทุกวัน กับ Carrot Cake ชิ้นโตเครื่องแน่นที่สอดไส้ระหว่างชั้นครีมและกลิ่น Cinnamon อ่อน ๆ
อย่าลืมดื่มคู่กันกับ Drip Panama (300 บาท) กาแฟดริปที่ได้เมล็ดกาแฟ Single Origin จาก Panama ที่ปลูกจากฟาร์ม Hacienda La Esmeralda แหล่งปลูกกาแฟเกอิชาที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยความพิถีพิถันในการชงรวมเข้ากับรสชาติที่เบลนด์ระหว่างผลไม้สุกกับกลิ่นอ่อน ๆ ของช็อกโกแลตได้อย่างลงตัว และนุ่มละมุนกับรสชาติ After Tasted เฉพาะตัว
AKART Day
โครงการ Yarden ถนนเย็นอากาศ
เปิดทุกวัน 07.00 - 19.00 น.
โทร. 0-2249-0182
www.facebook.com/akart.day
สัมผัสกลิ่นอายของบ้านไม้หลังเก่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2456 สู่การบูรณะใหม่ให้กลายเป็น บ้านขนมปังขิง ร้านกาแฟกึ่งพิพิธภัณฑ์ เรือนไทยสไตล์ฝรั่งที่มีอายุกว่าร้อยปี เรือนไม้หลังนี้สืบทอดความเป็นเจ้าของมาจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงมือของ คุณธนัชพร คุณารัตนอังกูร ที่ตั้งใจจะบูรณะบ้านครั้งใหญ่ และรักษาเสน่ห์ของเรือนโบราณหลังนี้ไว้ให้มากที่สุด เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ชื่นชอบและสนใจในบ้านเรือนไทย ได้เข้ามาชมความงามทั้งภายนอก ภายในของบ้านขนมปังขิงแห่งนี้
FULL REVIEWเอกลักษณ์ของบ้านแห่งนี้คือลวดลายที่ฉลุสวยงามและละเอียดอ่อนในทุก ๆ มุมของบ้าน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ ขนมปังขิง หรือคุกกี้ที่ชาวยุโรปนิยมทานในเทศกาล โดยบ้านหลังนี้ได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตกในช่วงรัชกาลที่ 4 นิยมสร้างในหมู่คหบดี ขุนนางและชาวชนชั้นกลาง ซึ่งหาชมได้ยากในปัจจุบัน เพราะนอกจากวังและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เป็นของชนชั้นสูงแล้ว สถาปัตยกรรมเหล่านี้มักถูกรื้อทิ้งไปตามกาลเวลา
สำหรับเมนูต่าง ๆ ของทางร้าน เน้นการนำเสนอเครื่องดื่มและขนมหวาน ในคอนเซ็ปต์แบบไทย ๆ ที่ทั้งน่าสนใจและน่าทานไปในเวลาเดียวกัน สำหรับใครที่มากันเป็นกลุ่ม แนะนำให้ลองสั่ง ชุดบัวทอง (599 บาท) เซ็ตน้ำชาที่ประกอบไปด้วยขนมไทย 8 ชิ้น ไอศกรีม เค้ก 2 ชิ้น และชาร้อน 1 กา ความหอมละมุนของชานั้นจะช่วยตัดให้รสชาติของขนมกลมกล่อมขึ้น
หรือใครที่เป็นสาวกขนมไทยตัวยงและนิยมชมชอบใน ขนมลอดช่อง ทางร้านยังมีเมนู ไอศกรีมกะทิ + ลอดช่อง (120 บาท) ขนมลอดช่องเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำตาลมะพร้าว ให้กลิ่นหอม ทานแล้วชื่นใจ
บ้านขนมปังขิง
ซอยหลังโบสถ์พรามณ์ เขตพระนคร
เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00 - 20.00 น.
โทร. 097-229-7021
www.facebook.com/house2456
Rue De Mansri คาเฟ่และสตูดิโอถ่ายภาพ ที่ตั้งอยู่บริเวณแยกแม้นศรี ถนนบำรุงเมือง อีกหนึ่งถนนสายเก่าแก่ที่สำคัญของกรุงเทพฯ โดดเด่นด้วยโครงสร้างอาคารอนุรักษ์ 3 ชั้น ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 และยังคงเสน่ห์ความคลาสสิกของตัวอาคารไว้ได้เป็นอย่างดี ก่อนจะรีโนเวทให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยแนวคิดและใจรักในการดื่มกาแฟของ คุณเเทน - ดุษฎี สุวณิชยากุล โดยนำเอาคำว่า 'Rue De Mansri' ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ‘ถนนแม้นศรี’ มาใช้เป็นชื่อร้านให้ดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ริมถนนแม้นศรี ล้วนสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งแต่เดิมเป็นบ้านเก่าของคนสมัยก่อนที่ทำกิจการ ‘ไทยการค้า’ มานานกว่า 10 ปี ด้านในยังคงความคลาสสิกของโครงสร้างเดิมไว้ เพียงแต่มีการกะเทาะผนังเผยให้เห็นโครงสร้างอิฐเดิมที่ก่อขึ้นไปเป็นซุ้มสวยงามหลายจุด รวมถึงออกแบบช่องหน้าต่างในลักษณะของการฉลุลายด้านบน เพื่อให้ได้รับแสงธรรมชาติและสามารถมองเห็นวิวใจกลางเมืองบริเวณสี่แยกแม้นศรี
ชั้น 2 ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และของสะสมสไตล์วินเทจ ซึ่งคุณแทนตั้งใจให้พื้นที่แห่งนี้แฝงไปด้วยกลิ่นอายและบรรยากาศแบบฝรั่งเศสอีกทั้งยังมีอุปกรณ์ให้เช่าสำหรับถ่ายภาพในสตูดิโออีกด้วย
ใครที่หลบร้อนมาสัมผัสกลิ่นอายความคลาสสิกของที่นี่ แนะนำให้ลองสั่ง Black Cocoa Mint (75 บาท) โกโก้เข้มข้นที่ผสมมินต์ออกมาเป็นเลเยอร์สีสวย พร้อมกลิ่นหอมของมินต์ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น
หรือจะลองเป็น Hot Marocchino (60 บาท) กาแฟสูตรดั้งเดิมจากอิตาลีที่ผสมผสานความเข้มข้น กลมกล่อมของโกโก้ นม และ Espresso Shot จากเมล็ดกาแฟไทย ที่ดื่มง่าย ได้รสกลมกล่อม
Rue De Mansri Cafe & Studio
ถนนแม้นศรี บำรุงเมือง
เปิดทุกวัน เวลา 07.00 - 17.00 น.
โทร. 083-158-9999
www.facebook.com/ruedemansri