ครีเอทโมเมนท์หวาน ๆ รับเดือนแห่งความรักที่ 5 คาเฟ่เปิดใหม่เดือนกุมภาพันธ์

Published on February 01, 2019

BKK. ขอนำเสนอ 5 คาเฟ่เปิดใหม่เดือนกุมภาพันธ์ คาเฟ่สุดเก๋และคูลที่เหมาะสำหรับการจูงมือคนรักหรือผองเพื่อนไปนั่งจิบเครื่องดื่ม พร้อมทานขนมหรือทานอาหารกันแบบชิลล์ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศดี ๆ ที่แตกต่างกันออกไปให้ได้เลือก Hopping กันตามใจชอบ ส่วน 5 คาเฟ่เปิดใหม่จะเป็นที่ไหนบ้างนั้น ตามไปชมแล้วเตรียมปักหมุดไปพร้อม ๆ กันเลย

 

Chez Mou แปลว่าบ้านของหมู

ประเดิมกันที่ Chez Mou คาเฟ่ขนาดกะทัดรัด 1 คูหา ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเจริญกรุง 44 ท่ามกลางบรรยากาศสุดคูลของตึกรามบ้านช่องและวิถีชีวิตเก่า ๆ ที่ยังคงความคลาสสิกเอาไว้ให้หลายคนได้แวะเวียนเข้าไปสัมผัส 

FULL REVIEW
 

มุมเช็คอินของใครหลายคน

ภายในร้านจัดสรรพื้นที่ออกมาได้อย่างเป็นสัดส่วน พร้อมตกแต่งออกมาได้อย่างน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งอาคารหลังนี้ คุณหมู เจ้าของร้าน เกิดไอเดียอยากเปลี่ยนให้ที่นี่กลายเป็นที่พักอาศัย ด้านบนของอาคารจึงมีห้องพักไว้รองรับนักท่องเที่ยว 2 ห้องด้วยกัน ส่วนด้านล่างเปลี่ยนให้เป็นคาเฟ่สุดน่ารักที่ชื่อ 'Chez Mou' ที่แปลว่า บ้านของหมู นั่นเอง 

 

มุมนั่งชิลล์ภายในร้าน

สำหรับโซนของอาหารและบาร์ ทุกเมนูของทางร้านเน้นเสิร์ฟเป็นสไตล์โฮมเมดแบบฝรั่งเศส ที่ปรุงออกมาให้ได้รสชาติของฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม ด้วยฝีมือของคุณหมูเองทั้งหมด แนะนำให้ลองเมนู Signature ของทางร้านอย่าง Quiche Lorraine (220 บาท) เมนูอบโฮมเมด สไตล์ฝรั่งเศสแท้ ๆ ที่มีลักษณะคล้ายพายแต่เป้นอาหารคาว เสิร์ฟมาพร้อมกับผัดสลัดสด ถือเป็นจานที่ไม่ควรพลาด 

 

Quiche Lorraine (220 บาท)

ในส่วนของเมนูเครื่องดื่ม สำหรับใครที่ชอบดื่มกาแฟเป็นทุนเดิม ลองสั่ง Single Origin with Milk (100 บาท) เมล็ดกาแฟคุณภาพดีจากจังหวัดเชียงใหม่ นำมาผสมผสานรสชาติเข้ากันกับนมสด ให้รสสัมผัสที่นุ่มนวล หอมกรุ่นกลิ่นกาแฟ 

 

Single Origin with Milk (100 บาท)

Chez Mou
เจริญกรุง 44
เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00 - 19.00 น.
โทร. 081-645-0228
www.facebook.com/charoenkrung44

 

Project : Box คอมมูนิตี้ขนาดย่อมแห่งใหม่ในย่านงามวงค์วาน

โครงการ Project : Box เป็นคอมมูนิตี้ขนาดย่อมในย่านงามวงค์วาน ที่นำเอายิมมวยสุดคูล ร้านอาหารและคาเฟ่กึ่ง Co-Working Space น้องใหม่สไตล์มินิมอลมารวมกันไว้ที่นี่ โดยนอกจากจะเป็นคาเฟ่เก๋ ๆ แล้ว ทางร้านยังสร้างขึ้นเพื่อรองรับการเรียนการสอนของคุณครูและนักเรียนในชั่วโมงเรียนพิเศษอีกด้วย อีกทั้งยังมีมุมสงบให้นั่งทำงานกันแบบชิลล์ ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสุดส่วนตัว ไม่ว่าจะนั่งทำงาน ทานอาหาร ทานขนม หรือจิบเครื่องดื่มเพลิน ๆ ก็สามารถนั่งชิลล์เอาต์ที่นี้ได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

 

เลือกจับจองที่นั่งได้ตามใจชอบ

ภายในร้านเน้นการตกแต่งด้วยโทนสีขาวเป็นหลัก เติมความอบอุ่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน และของตกแต่งกระจุกกระจิกที่จะช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับร้าน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา มีความ Cozy เป็นที่สุด ส่วนรอบ ๆ ร้านมีกระจกใสบานใหญ่ที่ปิดด้วยม่านสีขาวในยามกลางวัน ทำให้ตัวร้านได้รับแสงธรรมชาติ ลอดผ่านตามช่องของผ้าม่าน ดูสวยงามและน่านั่งมากเลยทีเดียว 

 

มุมสวย ๆ ภายในร้าน

สำหรับเมนูต่าง ๆ ของทางร้าน ทั้งเครื่องดื่ม อาหารคาว และของหวาน ล้วนทำออกมาในสไตล์โฮมเมดทั้งสิ้น สำหรับใครที่ชอบดื่มโกโก้ ทางร้านแนะนำให้ลอง Iced Chocolate (75 บาท) เมนูที่ชงด้วยผงโกโก้แท้ไม่ใช้ซอสช็อกโกแลต ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น อีกทั้งลูกค้ายังสามารถรีเควสความหวานได้ตามที่ต้องการอีกด้วย

 

Iced Chocolate (75 บาท)

แล้วอย่าลืมสั่งเมนูหนัก ๆ มาทานให้อิ่มท้องกันอีกสักหน่อย แนะนำเป็น ข้าวแกงกะหรี่ทงคัตสึ (140 บาท) ข้าวแกงกะหรี่รสเข้มข้น ที่ทางร้านเคี่ยวทิ้งไว้แบบข้ามคืน เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ และทงคัตสึกรอบนอกนุ่มใน ที่สามารถเลือกท็อปปิ้งได้หลากหลายแบบเลยทีเดียว นับเป็นเมนูอิ่มท้องที่ครีเอทความอร่อยจากร้านอาหาร The Canteen ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนมีนาคมนี้ โดยสามารถสั่งมานั่งทานในโซนของคาเฟ่นี้ได้เช่นกัน

 

ข้าวแกงกะหรี่ทงคัตสึ (140 บาท)

Project : Box
งามวงค์วาน 18
เปิดทุกวัน เวลา 08.00 - 21.00 น.
โทร. 092-152-4511
www.facebook.com/projectboxofficial

 

AKART Day

ชวนคุณมาสัมผัสรสชาติอาหาร และ Specialty Coffee หอมกรุ่นจากบ้านร่วมสมัยหลังเก่ากว่า 80 ปีแห่งนี้ ที่เป็นที่ตั้งของร้านเปิดใหม่สด ๆ ร้อน ๆ อย่าง AKART Day ใกล้กันกับร้าน AKART Bistro & Bar  ที่หลายคนต้องคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดีในโครงการ Yarden ซอยเย็นอากาศ

FULL REVIEW
 

บ้านหลังเก่าที่ถูกรีโนเวทใหม่

บ้านหลังเก่าที่ตกทอดความสวยงามของสถาปัตยกรรมสไตล์วิคตอเรียน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476  มานานกว่า 80 ปี เดิมเป็นที่พำนักของ หม่อมเจ้าหญิง โอภาสจรัสพักตร์พิมล นันทวัน (พระราชภาคิไนยสายพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ก่อนถูกรีโนเวทใหม่เป็นคาเฟ่ที่เน้นเสิร์ฟอาหารเช้าหอมกรุ่น และหลากหลายเมนู Specialty ที่คอกาแฟพลาดไม่ได้ที่จะก้าวเข้ามาลิ้มลอง และทำความรู้จักกับ Slowbar ที่ได้ Roaster มากฝีมืออย่าง Tobo Coffee Roaster มาช่วยครีเอทเมนู 

 

มุมนั่งจิบกาแฟชิลล์ ๆ ภายในร้าน

ความพิถีพิถันและโฮมเมดในการปรุงอาหารยังถูกส่งต่อจากร้านดั้งเดิม AKART Bistro & Bar มายังที่นี่ให้เลือกกันหลากหลายในสไตล์อาหารเช้า Brunch และ Pastry เบเกอรี่สไตล์โฮมเมดที่อบกันเองทุกเช้า สำหรับเมนูขนมของทางร้านแนะนำให้ลอง Carrot Cake (140 บาท) จิบกาแฟทานคู่กับเบเกอรี่โฮมเมดที่ อบ สดใหม่ทุกวัน กับ Carrot Cake ชิ้นโตเครื่องแน่นที่สอดไส้ระหว่างชั้นครีมและกลิ่น Cinnamon อ่อน ๆ 

 

Carrot Cake (140 บาท) และ Drip Panama (300 บาท)

อย่าลืมดื่มคู่กันกับ Drip Panama (300 บาท) กาแฟดริปที่ได้เมล็ดกาแฟ Single Origin จาก Panama ที่ปลูกจากฟาร์ม Hacienda La Esmeralda  แหล่งปลูกกาแฟเกอิชาที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยความพิถีพิถันในการชงรวมเข้ากับรสชาติที่เบลนด์ระหว่างผลไม้สุกกับกลิ่นอ่อน ๆ ของช็อกโกแลตได้อย่างลงตัว และนุ่มละมุนกับรสชาติ After Tasted เฉพาะตัว

 

Drip Panama (300 บาท)

AKART Day
โครงการ Yarden ถนนเย็นอากาศ
เปิดทุกวัน 07.00 - 19.00 น.
โทร. 0-2249-0182
www.facebook.com/akart.day

4

บ้านขนมปังขิง

FULL REVIEW
 

บ้านขนมปังขิง

สัมผัสกลิ่นอายของบ้านไม้หลังเก่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2456 สู่การบูรณะใหม่ให้กลายเป็น บ้านขนมปังขิง ร้านกาแฟกึ่งพิพิธภัณฑ์ เรือนไทยสไตล์ฝรั่งที่มีอายุกว่าร้อยปี เรือนไม้หลังนี้สืบทอดความเป็นเจ้าของมาจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงมือของ คุณธนัชพร คุณารัตนอังกูร ที่ตั้งใจจะบูรณะบ้านครั้งใหญ่ และรักษาเสน่ห์ของเรือนโบราณหลังนี้ไว้ให้มากที่สุด เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ชื่นชอบและสนใจในบ้านเรือนไทย ได้เข้ามาชมความงามทั้งภายนอก ภายในของบ้านขนมปังขิงแห่งนี้ 

FULL REVIEW
 

เฟอร์นิเจอร์สวย ๆ ภายในร้าน

เอกลักษณ์ของบ้านแห่งนี้คือลวดลายที่ฉลุสวยงามและละเอียดอ่อนในทุก ๆ มุมของบ้าน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ ขนมปังขิง หรือคุกกี้ที่ชาวยุโรปนิยมทานในเทศกาล โดยบ้านหลังนี้ได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตกในช่วงรัชกาลที่ 4 นิยมสร้างในหมู่คหบดี ขุนนางและชาวชนชั้นกลาง ซึ่งหาชมได้ยากในปัจจุบัน เพราะนอกจากวังและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่เป็นของชนชั้นสูงแล้ว สถาปัตยกรรมเหล่านี้มักถูกรื้อทิ้งไปตามกาลเวลา

 

บ้านโบราณที่ถูกนำมาปรับปรุงใหม่ ให้คนรุ่นหลังได้ยลโฉมความสวยงาม

สำหรับเมนูต่าง ๆ ของทางร้าน เน้นการนำเสนอเครื่องดื่มและขนมหวาน ในคอนเซ็ปต์แบบไทย ๆ ที่ทั้งน่าสนใจและน่าทานไปในเวลาเดียวกัน สำหรับใครที่มากันเป็นกลุ่ม แนะนำให้ลองสั่ง ชุดบัวทอง (599 บาท) เซ็ตน้ำชาที่ประกอบไปด้วยขนมไทย 8 ชิ้น ไอศกรีม เค้ก 2 ชิ้น และชาร้อน 1 กา ความหอมละมุนของชานั้นจะช่วยตัดให้รสชาติของขนมกลมกล่อมขึ้น 

 

ชุดบัวทอง (599 บาท)

หรือใครที่เป็นสาวกขนมไทยตัวยงและนิยมชมชอบใน ขนมลอดช่อง ทางร้านยังมีเมนู ไอศกรีมกะทิ + ลอดช่อง (120 บาท) ขนมลอดช่องเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำตาลมะพร้าว ให้กลิ่นหอม ทานแล้วชื่นใจ 

 

ไอศกรีมกะทิ + ลอดช่อง (120 บาท)

บ้านขนมปังขิง
ซอยหลังโบสถ์พรามณ์ เขตพระนคร
เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 11.00 - 20.00 น.
โทร. 097-229-7021
www.facebook.com/house2456

 

Rue De Mansri

Rue De Mansri คาเฟ่และสตูดิโอถ่ายภาพ ที่ตั้งอยู่บริเวณแยกแม้นศรี ถนนบำรุงเมือง อีกหนึ่งถนนสายเก่าแก่ที่สำคัญของกรุงเทพฯ โดดเด่นด้วยโครงสร้างอาคารอนุรักษ์ 3 ชั้น ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 และยังคงเสน่ห์ความคลาสสิกของตัวอาคารไว้ได้เป็นอย่างดี ก่อนจะรีโนเวทให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยแนวคิดและใจรักในการดื่มกาแฟของ คุณเเทน - ดุษฎี สุวณิชยากุล โดยนำเอาคำว่า 'Rue De Mansri' ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ‘ถนนแม้นศรี’ มาใช้เป็นชื่อร้านให้ดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น 

FULL REVIEW
 

มุมชิค ๆ ที่ Rue De Mansri

ตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ริมถนนแม้นศรี ล้วนสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งแต่เดิมเป็นบ้านเก่าของคนสมัยก่อนที่ทำกิจการ ‘ไทยการค้า’ มานานกว่า 10 ปี  ด้านในยังคงความคลาสสิกของโครงสร้างเดิมไว้ เพียงแต่มีการกะเทาะผนังเผยให้เห็นโครงสร้างอิฐเดิมที่ก่อขึ้นไปเป็นซุ้มสวยงามหลายจุด รวมถึงออกแบบช่องหน้าต่างในลักษณะของการฉลุลายด้านบน เพื่อให้ได้รับแสงธรรมชาติและสามารถมองเห็นวิวใจกลางเมืองบริเวณสี่แยกแม้นศรี

 

Rue De Mansri

ชั้น 2 ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และของสะสมสไตล์วินเทจ ซึ่งคุณแทนตั้งใจให้พื้นที่แห่งนี้แฝงไปด้วยกลิ่นอายและบรรยากาศแบบฝรั่งเศสอีกทั้งยังมีอุปกรณ์ให้เช่าสำหรับถ่ายภาพในสตูดิโออีกด้วย


ใครที่หลบร้อนมาสัมผัสกลิ่นอายความคลาสสิกของที่นี่ แนะนำให้ลองสั่ง Black Cocoa Mint (75 บาท) โกโก้เข้มข้นที่ผสมมินต์ออกมาเป็นเลเยอร์สีสวย พร้อมกลิ่นหอมของมินต์ที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น 

 

Black Cocoa Mint (75 บาท)

หรือจะลองเป็น Hot Marocchino  (60 บาท) กาแฟสูตรดั้งเดิมจากอิตาลีที่ผสมผสานความเข้มข้น กลมกล่อมของโกโก้ นม และ Espresso Shot จากเมล็ดกาแฟไทย ที่ดื่มง่าย ได้รสกลมกล่อม

 

Hot Marocchino (60 บาท)

Rue De Mansri Cafe & Studio
ถนนแม้นศรี บำรุงเมือง
เปิดทุกวัน เวลา 07.00 - 17.00 น.
โทร. 083-158-9999
www.facebook.com/ruedemansri