Friendly French Restaurant with A Parisian Attitude Modern Cuisine
ฉีกกฏอาหารฝรั่งเศสรูปแบบเดิม ๆ เพิ่มเติมประสบการณ์ไดน์นิ่งในบรรยากาศสุดโมเดิร์นที่มอบความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเองกว่าที่เคยไปกับ Bisou Bangkok ร้านอาหารฝรั่งเศสสไตล์ Gastro Wine Bar น้องใหม่ในย่านหลังสวน ที่ก่อตั้งขึ้นโดยคู่หูชาวฝรั่งเศส ‘อองตวน ดัคเกียง (Antoine Darquin)’ เชฟหนุ่มชาวปารีสผู้มีประสบการณ์จากร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งหลายแห่งทั้งในยุโรปและกรุงเทพฯ และ ‘ธีโอ ลาแวร์ญ (Théo Lavergne)’ ซอมเมอลิเยร์คลื่นลูกใหม่ผู้มีประสบการณ์จากร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินมาแล้ว ทำให้การบริการที่ร้าน Bisou Bangkok แห่งนี้ ให้บริการอาหารแบบ ‘ไร้พรมแดน’ ซึ่งมีผสมผสานระหว่างอาหารแนวตะวันตกและกลิ่นอายแนวตะวันออกเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมด้วยรายการไวน์ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตไวน์ฝีมือดี และไวน์หายากจากกรรมวิธีการทำไวน์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักจากพื้นที่ผลิตที่ไม่มีใครเหมือน
Keep it simple, Sexy!
การสร้างสรรค์บรรยากาศภายในร้าน Bisou Bangkok นั้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศร้านอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงปารีส ซึ่งผู้คนมานั่งรับประทานอาหาร และแลกเปลี่ยนบทสนทนาจนเป็นวิถีชีวิต ทำให้ที่นี่ได้เลือกนำเอากลิ่นอายของร้านอาหารในปารีสมาถ่ายทอดสู่กรุงเทพฯ
สำหรับบรรยากาศชั้นล่างของร้านจะเน้น Vibes ของความสนุกที่มาพร้อมกับมุมบาร์ค็อกเทล มีหนุ่มบาร์เทนเดอร์ชาวฝรั่งเศสคอยเสิร์ฟซิกเนเจอร์ค็อกเทลให้ได้จิบอุ่นเครื่องก่อนเริ่มมื้ออาหารค่ำ ตามมาด้วยมุมนั่งรับประทานอาหาร ซึ่งมีฉากหลังเป็นภาพโปสเตอร์สัญลักษณ์ของ ‘Bisou’ แนวสตรีทแฟชั่นที่มาช่วยสร้างสีสันภายในร้าน
Bisou เป็นคำศัพท์แสลงที่แปลว่า ‘จูบ’ ในภาษาฝรั่งเศส แต่เป็นจูบที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดสำหรับเพื่อนหรือคนในครอบครัว เช่นเดียวกับการเป็นไวน์บาร์ที่ดี ไวน์บาร์นั้นจะเป็นสถานที่ให้คนแปลกหน้าสามารถมานั่งดื่มและเริ่มพูดคุยกันจนทำให้คุณรู้สึกคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นการมาเยือนครั้งแรก หรือจะเป็นการนัดพบหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานก็ตาม
ส่วนชั้นบนเป็นห้องเก็บไวน์ที่ทุกคนสามารถเดินเข้าไปดูและหยิบไวน์ขวดที่ชื่นชอบเองได้ สอดรับกับพื้นที่นั่งรับประทานอาหารอีกหนึ่งบรรยากาศที่ดูโปร่งโล่งสบาย อบอุ่น และเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
การเสิร์ฟเครื่องดื่มของทางร้าน เหมาะสำหรับคนชอบการผจญภัยในโลกของการดื่ม ไวน์ลิสต์ของร้าน Bisou Bangkok คุณธีโอจะเป็นผู้คัดสรรรายการไวน์อย่างดี ทำให้ไวน์ที่นี่มีการอัพเดตและสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา เพื่อนำเสนอสไตล์ของไวน์ที่หลากหลายจากพื้นที่ทำไวน์ใหม่ ๆ ตลอดจนการคัดเลือกไวน์ที่รังสรรค์จากกรรมวิธีการทำซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก ไม่ว่าจะเป็นการทำแชมเปญ หรือการทำไวน์จากคนทำไวน์ฝีมือดี ซึ่งผลิตจำนวนจำกัด ทำให้การคัดสรรไวน์เหล่านี้เป็นการเฉลิมฉลองให้กับผู้ผลิตไวน์จากสถานที่ต่าง ๆ เป็นการให้ความสำคัญกับรสชาติมากกว่ายี่ห้อของไวน์ ที่นี่นับเป็นหมุดหมายสำหรับผู้ชื่นชอบไวน์และการทำอาหารโดยปราศจากข้อจำกัดใด ๆ อย่างแท้จริง
A Modern Taste of France with A La Carte Menus
ด้วยประโยคประจำของร้านคือ “K.I.S.S - Keep It Simple, Sexy” เหล่านักชิมทั้งหลายจะได้พบกับเมนูอาหารแบบ A La Carte ที่มีความพิเศษ เย้ายวน แตกต่าง แต่ก็ยังคุ้นเคยอย่างน่าแปลกใจ เพราะที่นี่ได้มีการผสมผสานอาหารสัญชาติฝรั่งเศสเข้าไว้กับอาหารสัญชาติอื่น ๆ ไว้ได้อย่างลงตัว ผ่านการสร้างสรรค์จานอาหารหลากหลายประเภท โดยเน้นเลือกใช้ส่วนผสมหรือวัตถุดิบที่ดีสุดของฤดูกาลมาครีเอตเป็นอาหารจานพิเศษภายใต้แนวคิด ‘cuisine d'auteur’ ซึ่งเป็นอาหารสุดสร้างสรรค์ที่บรรดาเชฟคลื่นลูกใหม่ในฝรั่งเศสได้บัญญัติขึ้นเอง
ร้าน Bisou Bangkok จึงเป็นร้านอาหาร Casual Fine Dining ในบรรยากาศสบาย ๆ แบบฝรั่งเศสสมัยใหม่ ที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวในเรื่องของอาหาร บรรดาผู้มาเยือนจะได้ลิ้มรสอาหารที่เปิดกว้างเรื่องแนวคิดการปรุงแบบไร้ขอบเขต โดยทีมเชฟรุ่นใหม่ที่ค้นหาวัตถุดิบคุณภาพสูง และดีที่สุดของฤดูกาลมานำเสนอ สื่อถึงการพัฒนาเรื่องเมนูอาหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับผู้ที่เข้ามารับประทานอาหาร ทั้งแบบคนเดียวและแบบแชร์ริ่งความอร่อยจบครบในแห่งเดียว
เริ่มต้นเสิร์ฟความอร่อยกันที่ขนมปังซาวร์โดว์ ซึ่งทางร้านจะเสิร์ฟเป็นในลักษณะของ Complimentary ให้รับประทานเรียกน้ำย่อยก่อนตามธรรมเนียมของชาวฝรั่งเศส ตามมาด้วยเมนูซิกเนเจอร์แนะนำน่าลองอย่าง BFC, Bisou Fried Organic Chicken, Shichimi & Salmon Roe (330 บาท) ไก่ทอดประจำร้าน Bisou ที่มีการผสมผสานวัตถุดิบระหว่างของฝรั่งเศสกับเอเชีย โดยเป็นน่องไก่ที่นำมาหมักกับบัตเตอร์มิลก์ ตามแบบฉบับการปรุงอาหารของทางฝรั่งเศส ส่วนตัวซอสนั้นจะเป็นเฮิร์บซาวร์ครีมที่ให้รสชาติค่อนไปทางสไตล์เอเชียน คล้ายกับอาหารเกาหลี ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอน รวมกันเป็นอาหารสไตล์เอเชียนทวิสต์ที่ให้รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม เท็กซ์เจอร์กรอบนอกนุ่มใน ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจ!
จากนั้นถัดมาที่จานยอดนิยมกับเมนู Truffle French Toast (2 Pieces) (590 บาท) เฟรนช์โทสต์ (Milk Bread) ที่ทางร้านอบเองแบบสดใหม่เข้ากับเนยหอม ๆ ด้านล่างจะเป็นพาร์เมซานคัสตาร์ด ท็อปด้วยเฟรนช์ทรัฟเฟิลสไลซ์ และซอสทรัฟเฟิลที่ผสมผสานความเข้มข้นเข้ากับหมึกดำ ให้รสเค็ม ๆ มัน ๆ ตัดกับรสหวานนิด ๆ พร้อมสัมผัสนุ่มละมุนของเนื้อขนมปังได้เป็นอย่างดี
ส่วนใครที่กำลังมองหาเมนูสลัดสดชื่น ๆ ไว้รับประทานระหว่างมื้อ ต้องลอง Akami Tuna, Fennel and Preserved Lemon (450 บาท) สลัดทูน่า ที่ทางร้านเลือกใช้เนื้อทูน่านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น แล่จากส่วนบริเวณหางของปลา มิกซ์ความอร่อยเข้ากับแอปเปิ้ล, ผักชีล้อม (Fennel) ที่ให้กลิ่นหอมของสมุนไพร และมะนาวดอง ซึ่งเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาล แล้วท็อปด้วยทูน่าสไลด์ที่เสิร์ฟมาแบบเน้น ๆ เลมอนเจล ควินัว แอปเปิ้ลเจล ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว เข้ากับเนื้อทูน่าอย่างลงตัว
หรือจะเป็น Red Endives Salads with Ginger Vinaigrette, Grapes, & Tete de Moine (330 บาท) สลัดผักเอนไดฟ์ (ผักเมืองหนาวในวงศ์เดียวกับอาร์ติโช้ค) ที่คลุกเคล้าเข้ากับเดรสซิ่ง Ginger Vinaigrette พร้อมด้วยส่วนผสมของผักสมุนไพรของเอเชียกว่า 20 ชนิด อาทิ แครอท น้ำส้ม ใบมิโสะ และขิง แต่ใช้เทคนิคการปรุงในสไตล์ฝรั่งเศส เสิร์ฟความอร่อยมาพร้อมกับองุ่นแดงและ Tete de Moine ชีสของทางฝรั่งเศส ที่รวมกันแล้วได้ทั้งความสดชื่น รสชาติกลมกล่อมลงตัว
แล้วตบท้ายด้วยเมนูแนะนำประจำซีซั่นนี้กับจานไฮไลต์ Seasonal Dish : The White Asparagus (490 บาท) จานไฮไลต์ที่มีเสิร์ฟตามฤดูกาล (เฉพาะหน้าร้อน ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน 2566 นี้) เท่านั้น หน่อไม้ฝรั่งขาวที่เสิร์ฟมากับชีสพาร์เมซานไอโอรี่ ให้รสมัน ๆ ครีมมี่นิด ๆ ตัดกับรสชาติของหน่อไม้ฝรั่งที่ความหวานมัน สัมผัสสดกรอบ ท็อปตามด้วยเฮเซลนัทคั่วกรุบกรอบ และชิคเก้นจูส์รสเข้มข้น รวมเป็นการผสมผสานรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เข้ากันอย่างพอดิบพอดี
แน่นอนว่าเมนูอาหารต่าง ๆ ที่ทางร้านเลือกเสิร์ฟจะเน้นรับประทานง่าย ซึ่งสามารถแมตช์คู่ความอร่อยได้เข้ากันกับไวน์ แต่สำหรับใครที่ไม่ถนัดดื่ม ก็สามารถเลือกสั่งเป็นซิกเนเจอร์ค็อกเทลมาดื่มควบคู่ไปกับมื้ออาหารก็ดีงามไม่แพ้กัน โดยซิกเนเจอร์ค็อกเทลแต่ละแก้ว จะตั้งชื่อตามเหล่าสตรีที่มีชื่อเสียงจากแวดวงต่าง ๆ อาทิ Cocktail Signature : YOKO ONO (400 บาท) เครื่องดื่มมีส่วนผสมของสาเก ส้มยูซุ ลาเวนเดอร์ และฟองไข่ขาว ให้รสนุ่มละมุน ดื่มง่าย ให้ความสดชื่นผ่อนคลายแบบเบา ๆ
ท้าชิงตำแหน่งดริงก์ที่มาบูสต์ความเฟรชด้วย Cocktail Signature : JANE BIRKIN (400 บาท) เครื่องดื่มมีส่วนผสมของจิน ไวน์ขาว แซฟฟรอน และน้ำเลมอน ให้รสหวานอมเปรี้ยว ระหว่างที่ดื่มให้ความหอมสดชื่นของเลมอนแบบเต็มคำ
เรียกได้ว่ามากินดื่มที่ Bisou Bangkok แห่งเดียว ได้รับประสบการณ์การไดน์นิ่งในอีกมุมหนึ่งของชาวฝรั่งเศส ซึ่งมาพร้อมกับบรรยากาศที่แตกต่าง เป็นการเปิดบ้านต้อนรับเหล่านักชิมผู้ชื่นชอบความรื่นรมย์แบบไม่มีพิธีรีตอง เพื่อให้การรับประทานอาหารมื้อพิเศษนั้นเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน ชวนประทับใจ และเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุด
Must Read!
- ทางร้านแนะนำให้จองล่วงหน้าก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ได้มุมนั่งรับประทานอาหารและพื้นที่รับรองที่เหมาะสมกับมื้ออาหารนั้น ๆ มากที่สุด
- เนื่องจากทางร้านมีพื้นที่หลากหลายโซน ผู้ที่สนใจสามารถสำรองที่นั่งสำหรับการจัดงานแบบไพรเวทได้ตามความต้องการ